พิษการเมืองฉุดยอดรับสร้างบ้านวูบ50%


ผู้จัดการรายวัน(3 เมษายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

บิ๊กปทุมดีไซน์ ฟันธงยอดขายตลาดรวมรับสร้างบ้านหดตัว หลังลูกค้ากว่า 50% ชะลอสร้างบ้าน เหตุผลกระทบการเมือง บั่นทอนความเชื่อมั่นลูกค้า ส่งผลกลุ่มลูกค้าชะลอตัดสินใจสร้างบ้านออกไปในปี50 กว่า 30-40% ชี้แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยบวกปัจจัยลบ ส่งผลกลุ่มลูกค้าที่ใช้เงินกู้สร้างบ้าน100% หายจากตลาด คาดครึ่งปีหลังตลาดจะเริ่มกลับมา เชื่อเป้าตลาดรวมทั้งปีไม่ถึง8,500ล้านบาท แจงผลประกอบการ3เดือนแรก42-50ล้านบาทตามเป้า พร้อมเร่งปรับกลยุทธ์ เน้นระบบCRM รักษาฐานลูกค้าเก่าช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่

นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด เปิดเผยถึงตลาดรับสร้างบ้านโดยรวมในช่วงไตรมาสแรกของปี2549 ว่า จากการเก็บข้อมูลและการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ในกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน พบว่า ผลกระทบด้านการเมือง ส่งผลต่อธุรกิจและผลประกอบการด้านยอดขายของทุกบริษัทค่อนข้างมาก โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่มียอดขายลดลงกว่า 50% เนื่องจากลุกค้าชะลอการตัดสินใจสร้างบ้าน เพื่อรอความชัดเจนของสถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจของประเทศ และรายได้ของผู้บริโภคเอง รวมถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย

ซึ่งจากการศึกษาและเก็บข้อมูลลูกค้าในช่วง 2-3 ปี โดยนับจากปี46 -47 พบว่ามีลูกค้าประมาณ 40% ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินในการก่อสร้างสร้างบ้าน100% ส่วนในปี48 มีจำนวนลูกค้าที่ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินในการก่อสร้างบ้านประมาณ 30% ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ใช้เงินสดในการสร้างบ้านเองมีอยู่ประมาณ 30% ส่วนที่เหลือ เป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้ทั้งเงินกู้บางและเงินเก็บในการก่อสร้าง ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ด้านการเมืองขึ้น ปรากฏว่ากลุ่มลูกค้าที่ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินทั้ง100% ในการสร้างบ้าน มีการหยุดและชะลอการสร้างบ้านออกทั้งหมด

ดังนั้นในไตรมาสแรกของปีนี้ ตลาดจึงมีการหดตัวลง และไม่สามารถจะมียอดขายที่ขยายตัวได้เท่ากับไตรมาสแรกของปี2548ได้ ซึ่งผู้ประกอบการทุกรายต้องยอมรับ และ พยายามรักษายอดขายที่เข้ามาไว้ให้ได้ เนื่องจากตลาดรับสร้างบ้านเป็นตลาดที่มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยลบที่เข้ามากระทบ เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่จะเข้ามาสร้างบ้านเอง จะเป็นกลุ่มที่ต้องการความเชื่อมั่นสูง โดยเฉพาะการสร้างบ้านซึ่งเป็นธุรกิจที่ยังจับต้องตัวบ้านไม่ได้ในทันทีทันใด เนื่องจากยังไม่เห็นตัวบ้าน หรือมีการก่อสร้างให้เห็น ดังนั้นความมั่นใจจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อลูกค้ากลุ่มนี้

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่หวังว่า หลังจากการเลือกตั้งไปแล้วความชัดเจนด้านการเมือง และเศรษฐกิจจะกลับมา รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เคยชะลอการตัดสินใจในการสร้างบ้าน ก็น่าจะกลับมาตัดสินใจสร้างบ้านใหม่เช่นกัน

โดยกลุ่มลูกค้าส่วนที่กลับมาตัดสินใจสร้างบ้านนั้นน่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าส่วนน้อยเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะทอยเพิ่มขึ้นมากในช่วงครึ่งปีหลัง แต่อย่างไรก็ดียังมีผู้ประกอบการบางส่วนมองว่า ตลาดจะกลับมาจริงๆ ในช่วงต้นปี2550 เนื่องจาก คาดว่า มีกลุ่มลูกที่ชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไปในปี2550 นั้นมีจำนวนสูงถึง30-40% ทำให้ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งจึงยังไม่มีกิจกรรมด้านการตลาดใหม่ๆ ออกมาก

นายสิทธิพรกล่าวว่า สำหรับยอดขายของ ปทุมดีไซน์ฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายรวม 42-50 ล้านบาท จากเป้ายอดขายทั้งปีบริษัทวางไว้ที่ 300 ล้านบาท ยอดขายในช่วง3 เดือนแรกของปีนี้ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่นับจากช่วงนี้ไปบริษัทจะต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า และทำยอดขายให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีนี้รายได้ทั้งปีของบริษัทอาจจะตกเป้าไปเล็กน้อยเนื่องปัจจัยลบที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ การปรับตัวของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเน้นการทำตลาดและนำระบบ CRM เข้ามาช่วยในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ที่เข้ามาใช้บริการกับบริษัท โดยเฉพาะการทำตลาดผ่านกลุ่มลูกค้าเก่า ซึ่งนอกจากจะเป็นการรักษาฐานลูกค้าของบริษัท และยังเป็นหารช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านการบอกต่อของลูกค้าเก่าด้วยซึ่งวิธีนี้นับว่าเป็นวิธีที่ได้ผลค่อนข้างมาก เพราะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้าใหม่ให้เข้ามาสร้างบ้านกับ ปทุมดีไซน์ โดยที่ผ่านมาลุกค้าใหม่ประมาณ 40% จะมาจากการแนะนำของกลุ่มลูกค้าเก่าของบริษัท ซึ่งพอใจและมั่นใจกับบริการหลังการขายที่ได้รับ

" การให้บริการลูกค้าหลังการขายนี้ บริษัทมีการทำมานานแล้ว โดยบริษัทได้มีการจัดทีมให้บริการลูกค้าหลังการขายในช่วงประกันการก่อสร้างในระยะเวลา 3 ปีหลังจากสร้างบ้านกับเรา โดยทีมบริการหลังการขายนี้จะเข้าไปสอบถามและติดตามกลุ่มลูกค้าเก่าที่สร้างบ้านกับเรา และหากมีการชำรุดหรือเสียหายเกิดขึ้น ทีมช่างของเราก็จะเข้าไปช่วยซ่อมแซมให้ ทำให้ลูกค้าพอใจมาก ล่าสุดกลุ่มลูกค้าเก่าของเราในจังหวัดนครราชสีมา ที่เป็นกลุ่มนายแพทย์ มีการแนะนำกลุ่มลูกค้าแพทย์ให้มาสร้างบ้านกับเราครั้งเดียว3 หลังรวด ซึ่งก็นับว่าได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่มเก่าที่พอใจกับการให้บริการของเรา" นายสิทธิพรกล่าว

ก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ประกอบการคาดว่าในปี 2549 ภาพรวมของตลาดรับสร้างยังคงเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนคือประมาณ 15% จากตลาดรวมรับสร้างบ้านมูลค่า 7,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 8,400 ล้านบาทภายในปีนี้ หรือประมาณ 30% จากมูลค่ารวมของบ้านสร้างเองทั้งระบบ 3.5 หมื่นล้านบาท และเชื่อว่าภายใน 5 ปี ธุรกิจรับสร้างบ้านจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 50% นั้น หลังจากที่มีผลกระทบด้านการเมืองเข้ามา คาดว่าอัตราการขยายตัวของตลาดโดยรวมทั้งปีน่าจะทำได้ต่ำกว่าเป้าที่มีการประมาณไว้เล็กน้อย เนื่องจากเชื่อว่าในช่วงปลายปีตลาดจะกลับมาขยายตัวได้ในสัดส่วนที่สูงพอสมควร


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.