"ไชยและไทยประกันชีวิตในสายตา "อภิรักษ์ ไทพัฒนกุล"

โดย เดือนเพ็ญ ลิ้มศรีตระกูล สมสมัย ศักดาวัฒนานนท์
นิตยสารผู้จัดการ( พฤษภาคม 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

"คุณไชยเพอร์เฟค เป็นคนหนุ่มที่ผ่านการศึกษาหลักสูตรบริหารมา และก่อนทำงานที่ไทยประกันชีวิต คุณไชยเคยเดินทางไปดูงานในหลายประเทศทั้งอังกฤษ ญี่ปุ่น นอกจากนี้ท่านยังเป็นคนค่อย ๆ เรียนรู้งานจากพื้นฐานจนเก่ง เป็นนักพูดที่เก่ง ถือเป็นคนรุ่นหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ มีขั้นตอนการเรียนรู้งานที่ดี ตัวท่านเองเป็นคนตรง คนฉลาด" อภิรักษ์ ซึ่งทำงานที่ไทยประกันชีวิต 21 ปี จนมีโอกาสได้ร่วมงานกับทั้งวานิชและไชยเล่าให้ฟัง

แต่จะให้เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของวานิชและไชยนั้น อภิรักษ์กล่าวว่า เป็นคนละยุคกัน ดังนั้นคนที่มีความเก่งเฉพาะตัวมาก คือ ใช้คนเก่ง ค่อนข้างจะติดตามงานมาก อย่างสานิช จึงสามารถก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีระดับพันล้านได้ ซึ่งคนระดับนี้มีไม่กี่คน ที่เรียนรู้จากประสบการณ์ด้วยตัวเอง

"ท่านเป็นคนละเอียดรอบคอบ ซึ่งตรงนี้เหมาะสมกับยุคที่ไทยประกันเพิ่งเกิดมีธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อธุรกิจขยายขึ้นแล้ว ทำให้ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงต้องให้คนมาช่วยดูแล ดังนั้นการเริ่มต้นแบบคุณวานิชถือว่าถูกต้องที่เริ่มดูรายละเอียดใช้คนให้เป็น"

แต่ในยุคหลังเมื่อฐานธุรกิจเริ่มใหญ่ขึ้น มีคนเยอะพนักงานเป็นพัน ด้านการตลาดเป็นหมื่น การบริหารจึงต้องเปลี่ยนแนวเอาระบบการกระจายอำนาจมาใช้ ซึ่งตรงนี้ไชยเข้ามามีส่วนร่วมมาก เมื่อกระจายอำนาจ งานก็เร็ว โดยเฉพาะการกระจายอำนาจไปสู่สาขาเป็นสิ่งที่บริษัททำมากที่สุด เพราะไทยประกันชีวิตมีสาขาเยอะเมื่อการจายอำนาจไป การทำงานก็จะเร็วขึ้น โดยไม่ต้องผ่านสำนักงานใหญ่

"ช่วง 14 ปีที่คุณไชยเข้ามาช่วยงาน สิ่งที่เขาเน้นอันดับแรกคือ การฝึกอบรม เขารู้ว่าถ้าต้องการให้องค์กรใหญ่โตในอนาคต การฝึกอบรมเป็นหัวใจ จุดแรกท่านจะทำด้านนี้ ซึ่งนโยบายอันนี้เราทำมาตั้งแต่สมัยพ่อ ดร. กอปร กฤตยากีรณ เป็นกรรมการผู้จัดการ และเราก็เน้นมาทุกยุคทุกสมัย" อภิรักษ์กล่าว

ในส่วนของอภิรักษ์ เขาเข้ามาทำงานที่ไทยประกันชีวิตตั้งแต่ปี 2518 ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์การแข่งขันไม่รุนแรง ขึ้นอยู่กับตัวใครตัวมัน คนไหนมีวิชั่นไกลก็จะสามารถขยายตลาดได้ดี

"ต้องชมอดีตกรรมการผู้จัดการของบริษัทหลาย ๆ ท่านที่มีวิชั่นไกล วางแนวธุรกิจที่ดีเพราะค่อนข้างจะเห็นความสำคัญของการขยายตลาด ภาพพจน์ของบริษัท เราทุ่มงบด้านการตลาด การฝึกอบรม งบประชาสัมพันธ์มากกว่าทุกบริษัท ผมก็สานต่อแนวนโยบายของอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ มันก็โตมาเรื่อย ๆ งานใหญ่ขึ้นมาระบบที่ใช้ก็เปลี่ยนเป็นระยะ ๆ"

ดังนั้นไทยประกันชีวิตจึงต้องพยายามสร้างฐานการเงินของบริษัทให้มั่นคง มีเงินพอที่จะเพิ่มสวัสดิการให้กับพนักงานเพื่อรักษาคนแก่ไว้ ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างคนใหม่ขึ้นมาและพยายามรักษาเอาไว้

"การก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ในวงการประกันภัย เราก็หวังแต่ตัวเลขยังห่างจาก เอ.ไอ.เอ. เป็นเท่าตัว ตอนนี้เราแชร์ 23% ซึ่งระยะใกล้ยังไม่เห็น แต่ในขณะที่เรายังไม่ชนะเขา เราก็หันมาทำระบบเราให้มั่นคง รักษาระดับมาร์เกตแชร์ให้ยืนอยู่ มีผลกำไรดี เพื่อมีเงินจ่ายเป็นสวัสดิการให้กับพนักงานและลูกค้า ให้มีประสิทธิภาพ"

เมื่อถามถึงเรื่องการขึ้นมารับตำแหน่งของไชยแทนวานิชนั้น อภิรักษ์ค่อนข้างสงวนท่าทีการให้ความเห็นมาก ๆ เขาบอกว่า

"จริง ๆ แล้วคุณไชยจะมารับช่วงเมื่อไหร่ก็เหมาะสม เพราะท่านได้ผ่านการเคี่ยวมานาน แต่เนื่องจากธุรกิจของคุณวานิชท่านเยอะมากเหลือเกิน มันก็จำเป็นต้องโลว์บทบาทของคุณไชยไว้ เพื่อไปดูแลเป็นหูเป็นตาแทนคุณพ่ออยู่หลายกิจการ เวลาก็จำกัดมันขึ้นอยู่ว่าท่านจะสามารถดึงงานที่ดูแลเกี่ยวข้องกับไทยประกันออกไปได้มากน้อยแค่ไหน ถ้ายังให้ทำหลายอย่างเช่นปัจจุบัน คุณไชยอาจจะยังไม่อยากยุ่ง เพราะส่วนมากเจ้าของกิจการจะไปแสวงหากิจการใหม่ ๆ ทำให้ต้องดึงลูกหลานไปช่วยงานในธุรกิจใหม่แบ่ง ๆ กันไป ตอนนี้ท่านก็เริ่มแบ่งงานออกไป"

แต่ในส่วนของไทยประกันชีวิตนั้น อภิรักษ์กล่าวว่า ไม่ต้องการให้คนหนึ่งคนใดเป็นวันแมนโชว์ เพราะปัจจุบันด้านการตลาดคุณไตรมาสก็รับไปเต็ม ๆ ด้านบริหารงานบุคคลและอบรม คุณไชยก็รับไปเต็ม ๆ ส่วนเขาก็ดูในด้านนโยบายใหญ่ ๆ บริษัท การดำเนินกิจการที่ทำให้มีกำไรเป็นการมองภาพกว้าง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.