SPACKมั่นใจปีนี้โกยรายได้1,170ล.เหตุรง.กล่องลูกฟูกเดินเครื่องผลิต


ผู้จัดการรายวัน(28 มีนาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

SPACK มั่นใจปีนี้โกยรายได้ 1,170 ล้านบาท เหตุโรงงานกล่องลูกฟูกเดินเครื่องมากขึ้นและรับรู้รายได้จากโรงพิมพ์ตะวันออก เล็งเจาะกลุ่มลูกค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูง ผู้บริหารเผยผลประกอบการปี 49 จ่ายปันผลมากว่าปี 48 เนื่องจากไม่มีการลงทุนเพิ่ม แจงขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาผลิตกล่องบรรจุอาหารที่มีความสะอาดสูง คาดลงทุนปี 50 ประมาณ 40-50 ล้านบาท

นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) (SPACK ) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมปีนี้ 1,170 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 15% จากปี 48 ที่มีรายได้รวม 1,015.16 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 93.70 บาท เนื่องจากปีนี้บริษัทจะมีกำลังการผลิตในกล่องลูกฟูกมากขึ้นเป็น 50-60% จากกำลังการผลิตรวม 400 ล้านบาท จากปีก่อนที่ผลิตอยู่ 25% ของกำลังการผลิตรวม

เนื่องจากเพิ่งเปิดดำเนินงาน และบริษัทได้รับคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มจากผู้ผลิตเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ และยังมีส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน)หรือ EPCOอีกประมาณ 25 ล้านบาท และคาดว่าในปี50จะได้รับส่วนแบ่งกำไรประมาณ 28-30 ล้านบาท

ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ปีนี้จะมาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 30% จากปี 48 ที่มี 25.40% ผลจากบริษัท แคนนอน จำกัด จะมีการนำสินค้าคุณภาพสูงมาผลิตในประเทศไทย ที่ย้ายฐานผลิตไปเวียดนามและจีน และจากสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม อาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋อง 25% ถุงมือยาง 25% สื่อสิ่งพิมพ์ 14-15% และรายได้อื่น15%

“บริษัทคาดรายได้ไตรมาสแรกปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 15%จากไตรมาสเดียวกันปี ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกที่สร้างเสร็จเมื่อปี 48 ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้รายได้จากกล่องกระดาษลูกฟูกเพิ่มอีก 120 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงพิมพ์ตะวันออก ”นายยุทธ กล่าว

นายยุทธ กล่าวว่าปีนี้บริษัทจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีการผลิตสินค้าที่มีความแปลกใหม่ และต้องการกล่องที่มีความสวยงามมากว่ากระดาษลูกฟูกที่มีสีน้ำตาล โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาที่จะผลิตกล่องกระดาษบรรจุอาหารที่มีความสะอาดสูง ซึ่งจะมีการลงทุนซื้อเครื่องจักรในการผลิตกล่องกระดาษดังกล่าว โดยคาดว่าจะมีการลงทุนในปีหน้าประมาณ 40-50 ล้านบาท โดยมีปีนี้บริษัทจะยังไม่มีการลงทุนใดๆเพิ่ม เนื่องจากปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนสร้างโรงงานผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกถึง 400 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลของผลประกอบการปี 49 ในอัตราที่สูงกว่าผลประกอบการของปี 48 ที่มีการจ่าย 0.25 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 80% ของกำไรสุทธิ เนื่องจากปีนี้บริษัทไม่ได้มีการลงทุนและจะนำส่วนแบ่งกำไรจาก EPCO ทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง

โดยบริษัทได้ซื้อหุ้นของ EPCOจำนวน 43.28 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.02 บาท และ ในวันที่ 31 มีนาคม 49 บริษัทจะมีการแปลงสภาพวอแรนต์เป็นหุ้นสามัญอีก 43.05 ล้านหน่วย ทำให้บริษัทถือหุ้นทั้งหมดเป็น 86.33 ล้านหุ้น หรือ 22.4% ของหุ้นทั้งหมดของ EPCO และหลังจากที่ EPCO มีการแตกพาร์จาก 4 บาท เป็น 1 บาท จะทำให้บริษัทถือหุ้นรวมเป็น 330 ล้านหุ้น หรือ 22.4% ของหุ้นทั้งหมดของ EPCO

อย่างไรก็ตามเมื่อ EPCO กลับมาซื้อขายในหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ ประมาณเดือน เม.ย.นี้ คาดว่าราคาหุ้นจะสูงกว่าราคาที่บริษัทได้ซื้อหุ้นที่ 2.02 บาท ต่อหุ้นมากพอสมควร ซึ่งการซึ่งการซื้อหุ้นบริษัทดังกล่าวนั้นบริษัทจะได้ประโยชน์ในการร่วมมือด้านการขายและด้านเทคนิคและช่วยพัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้แก่ทั้ง 2 บริษัท และได้รับลูกค้าเพิ่มขึ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.