บลจ.กำเงินสดรอเก็บหุ้น


ผู้จัดการรายวัน(27 มีนาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จัด กล่าวในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) เปิดเผยถึงการลงทุนในช่วงที่สถานการณ์การเมืองมีความวุ่นวายในขณะนี้ว่า ผู้จัดการกองทุนได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งในช่วงก่อนหน้าก็ได้มีการทยอยขายหุ้นออกมา เพื่อถือครองเงินสด รอจังหวะซื้อหุ้นบางตัวที่ราคาปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์การเมืองน่าจะมีทางออก เนื่องจากใกล้เข้าสู่วันเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน นี้

"ในช่วงที่ผ่านมาเราได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งก็มีทั้งขายหุ้นออกมาบางส่วน เพื่อรอจังหวะเข้าซื้อหุ้น อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าในขณะนี้ยังไม่มีเม็ดเงินใหม่ ไหลเข้ามากองทุนหุ้น" นายมาริษกล่าว

จากการสำรวจพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นของนักลงทุนสถาบัน รายย่อย และนักลงทุนต่างประเทศ ของ "ผู้จัดการรายวัน" ระหว่างเดือนธันวาคม 2548-23 มีนาคม 2549 พบว่า นักลงทุนสถาบันมีแรงเทขายออกมาอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2548 มียอดขายสุทธิกว่า 3.9 พันล้านบาท เดือนมกราคม 2549 ขายสุทธิ 2.4 หมื่นล้านบาท เดือนกุมภาพันธ์ ขายสุทธิ 3.9 พันล้านบาท และตั้งแต่วันที่ 1-23 มีนาคม เริ่มทยอยซื้อหุ้นเข้าพอร์ต โดยซื้อสุทธิประมาณ 709 พันล้านบาท

ขณะที่นักลงทุนรายย่อย ในเดือนธันวาคม 2548 มียอดขายสุทธิ 1.7 หมื่นล้านบาท เดือนมกราคม 2549 ขายสุทธิ 5 หมื่นล้านบาท เดือนกุมภาพันธ์ ขายสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท และระหว่างวันที่ 1-23 มี.ค. ซื้อสุทธิ 3 พันล้านบาท

ส่วนนักลงทุนต่างชาติ ในเดือนธันวาคม 2548 ซื้อสุทธิ 2.1 หมื่นล้านบาท เดือนมกราคม 2549 ซื้อสุทธิ 7.4 หมื่นล้านบาท เดือนก.พ.ซื้อสุทธิ 1.9 หมื่นล้านบาท และระหว่างวันที่ 1-23 มี.ค.นักลงทุนต่างชาติ เริ่มเป็นผู้ขายสุทธิ 3.7 พันล้านบาท เนื่องจากเริ่มไม่แน่ใจในสถานการณ์ทางการเมือง

"มุมมองตลาดหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะนี้แม้สถานการณ์การเมืองจะมีความร้อนแรงจาก จากกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ลาออกและยุติบทบาทางการเมือง และเรียกร้องรัฐมนตรีพระราชทาน และนายกรัฐมนตรีพระราชทาน นักลงทุนต่างชาติไม่ค่อยกังวลมากนัก เนื่องจากยังเชื่อมั่นพื้นฐานเศรษฐกิจไทย และตลาดหุ้นไทยราคาก็ไม่ได้สูงมากนัก แต่สิ่งที่นักลทุนต่างชาติอยากเห็นคือ สถานการณ์ไม่ยืดเยื้อ เพราะจะทำให้การค้าการลงทุนชะงัก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ" แหล่งข่าวผู้จัดการกองทุนกล่าว

แหล่งข่าวผู้จัดการกองทุน กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา พอร์ตกองทุนหุ้นของบลจ.ทั้งระบบถือว่าให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในสัดส่วนที่สูง เนื่องจากการลงทุนสวนทางกับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเห็นได้จากในช่วงที่ดัชนีทะยานขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี ผู้จัดการกองทุนต่างทยอยขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไร ขณะที่นักลงทุนต่างชาติไล่ซื้อหุ้น อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ที่ต่างชาติเริ่มมีแรงขาย กองทุนเริ่มกลับเข้าไปซื้อหุ้น

นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการปรับพอร์ตการลงทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยงการลงทุน และมีการถือเงินสด เพื่อรอจังหวะซื้อหุ้นที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง

สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทในช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม ที่ผ่านมา ผลตอบแทนย้อนหลังสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 5.5-6.5% ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาให้ผลตอบแทน 3.88%

"ในระยะสั้นยอมรับว่าปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดหุ้นระยะปานกลางหรือยาว ผลตอบแทนการลงทุนยังอยู่ในระดับสูง"นางวิวรรณกล่าว

ขณะที่นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนเป็นระยะ โดยเริ่มมีการถือครองเงินสด เพื่อเข้าลงทุนในหุ้นบางตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานแกร่ง แต่ราคาได้ปรับตัวดลลงอย่างมาก จากความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน

ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นภายใต้การบริหาร ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเกณฑ์ดัชนีมาตรฐานสตลาดหลักทรัพย์


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.