ศาลเบรกกฟผ.เข้าตลท.แปรรูปรสก.สะดุด


ผู้จัดการรายวัน(24 มีนาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้(23 มี.ค.)ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ดันดัชนีปิดที่ 729.72 จุด เพิ่มขึ้น 5.31 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.73 % มูลค่าการซื้อขาย 9,858.65 ล้านบาท

การซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มปรากฏว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,063.02 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 238.77 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 824.24 ล้านบาท

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างชาติ และหุ้นกลุ่มธนาคารก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่นักลงทุนความคลายความกังวลจากที่กองทุนกองทุน เพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินได้มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นของ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารนครหลวงไทย และหุ้นกลุ่มพลังงานมีการปรับขึ้นจากที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (24 มี.ค.)คาดว่าจะมีการทรงตัว เนื่องจากยังคงได้รับความกดดันจากปัจจัยทางการเมือง และในวัน 27 มีนาคม 2549 ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะมีการจัดประชุม ซึ่งอาจจะมีผลทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีการชะลอการลงทุนในไทย ทำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ก่อน โดยมองแนวรับที่ระดับ 728 จุด แนวต้านที่ระดับ 735 จุด

ทั้งนี้ การที่ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาตัดสินไม่ให้บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) มีการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO)นั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อการภาวะตลาด เนื่องจากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ และเรื่องดังกล่าวก็มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมาแล้ว แต่จะมีผลกระทบต่อบริษัทหลักทรัพย์ และมีผลต่อมูลค่าตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ซึ่งอาจทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการปรับเป้ามาร์เกตแคปใหม่

สำหรับการที่กฟผ.ไม่สามารถเข้าจดทะเบียนได้นั้นก็จะมีผลกระทบต่อเม็ดเงินต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มนั้นไม่มี แต่เม็ดเงินต่างประเทศก็ยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยตามปัจจัยเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ส่วนจะมีผลต่อบริษัทรัฐวิสาหกิจอื่นๆไม่สามารถเข้าจดทะเบียนนั้นก็จะต้องมีการพิจารณาเป็นกรณีๆไป

“การที่กฟผ.สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยก็จะทำให้เม็ดเงินต่างประเทศเข้ามาลงทุนเพิ่มในกฟผ.แต่การที่กฟผ.ไม่สามารถขายหุ้นได้ก็จะทำให้เม็ดเงินที่จะเข้ามาเพิ่มไม่มี แต่ก็ยังคงมีเม็ดเงินลงทุนของต่างประเทศก็ยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยตามปัจจัยพื้นฐาน” นายสุกิจกล่าว

***มองมาร์เกตแคปไม่ได้ตามเป้า

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการปรับเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นภูมิภาค และจากการที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT,PTTEP,TOP รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่มีการปรับตัวลดลงแรง

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นก็คาดว่าดัชนีจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ ที่ 735 จุด และมีแนวรับที่ระดับ 725-728 จุด

ทั้งนี้ การที่ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาไม่ให้กฟผ.กระจายหุ้นนั้น ก็จะมีผลกระทบมาร์เกตแคปทำให้เป็นตามเป้าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการเลื่อนออกไปจากที่คาดการณ์ไว้ที่ 10 ล้านล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า และมีผลต่อเม็ดเงินต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนหากกฟผ.มีการเข้าจดทะเบียนก็จะไม่เข้ามาในส่วนของการลงทุนในกฟผ.แต่นักลงทุนต่างประเทศก็ยังคงเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อ เพราะที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศก็เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีการขายออกมาบ้างก็ตาม

***ก้องเกียรติชี้ทำให้ตลาดหุ้นน่าสนใจน้อยลง

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบจากการที่บริษัท กฟผ.ไม่สามารถขายหุ้นให้กับประชาชนอย่างแน่นอน เนื่องจากทำให้ความน่าสนใจของตลาดทุนไทยจะลดลงซึ่งแทนที่ควรจะเพิ่มขึ้น หากมีบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมามีปัจจัยลบเข้ามากระทบหลายเรื่องทั้งเรื่องปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน รวมถึงบริษัทขนาดใหญ่นอกเหนือจากบริษัทกฟผ. ที่ไม่สามารถเข้าจดทะเบียนได้ยังรวมถึงบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ที่ไม่สามารถจดทะเบียนได้เช่นกัน

****มาร์เกตแคปหาย1แสนล้าน

นายก้องเกียรติกล่าวว่า ผลกระทบในเรื่องดังกล่าว ส่งผลต่อการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากความสนใจของตลาดหุ้นไทยน้อยลง ขณะขนาดของตลาดหลักทรัพย์จะเล็กลงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค อย่างไรก็ตามมาร์เกตแคปของบริษัทกฟผ. อยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้านบาท

นายก้องเกียรติ กล่าวอีกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนักลงทุนต่างชาติจะต้องมีการซักถามอย่างแน่นอน ซึ่งคำตอบในเรื่องดังกล่าวก็คือหวังว่าในอนาคตกฟผ.จะสามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้

ทั้งนี้ บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องหาเงินทุนเพื่อนำมาลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งหากบริษัทจะต้องมีการกู้ลงทุนรัฐบาลก็จะต้องเป็นผู้ที่เข้ามาค้ำประกัน ซึ่งจะทำให้เงินในส่วนดังกล่าวแทนที่จะไปสู่การพัฒนาประเทศในรูปแบบต่างๆกลับต้องเสียประโยชน์ที่จะต้องนำมาค้ำประกันหนี้

***ภัทรหวั่นทุนนอกไหลเข้าตลาดสิงคโปร์แทน

นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด(มหาชน)ในฐานะแกนนำร่วมในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัท กฟผ.เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดอย่างเป็นทางการในกรณีที่ศาลปกครองไม่อนุญาตให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้มากนัก ซึ่งรวมถึงการนำบริษัท ทศท.คอร์ปอเรชั่น ซึ่งบล.ภัทรเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเป็นอย่างไร

นายสุวิทย์กล่าวว่า การที่บริษัท กฟผ.ไม่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้นั้น ก็อาจจะทำให้ความคาดหวังที่จะได้เห็นตลาดหลักทรัพย์นั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างที่ตั้งเป้าไว้ และอาจจะทำให้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยลดน้อยลงได้เช่นกัน และสิ่งที่น่ากังวลคือเม็ดเงินจากต่างประเทศอาจจะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นสิงคโปร์แทนก็ได้

***จับตารสก.อื่นอาจถูกเบรก

แหล่งข่าวกล่าวว่า หลังจากที่ศาลปกครองได้มีคำสั่งห้ามไม่ให้บริษัทกฟผ.กระจายหุ้นนั้น ทำให้รัฐวิสาหกิจอื่นๆ อีกหลายแห่งที่เตรียมจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อาจจะถูกชะงักได้เช่นกัน จึงทำให้หลายฝ่ายกำลังจับตาว่ารัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆ จะทำอย่างไร

นายสิทธิไชย มหาคุณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินหุ้นบริษัท กสท.โทรคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินที่จะนำบริษัท กสท.เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็ยังดำเนินการต่อไปเหมือนเดิม ส่วนกรณีที่บริษัท กฟผ.ถูกสั่งห้ามกระจายหุ้นนั้น เชื่อว่าคงจะไม่ส่งผลกระทบ เพราะเป็นคนละกรณี

ส่วนบริษัท กสท.โทรคมนาคมจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทันในปีนี้หรือไม่ ยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากจะต้องรอหารือกับคณะกรรมการบริษัท กสท.โทรคมนาคมเสียก่อน

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า การที่บริษัท กฟผ.ไม่สามารถกระจายหุ้นได้นั้น จะต้องดูรายละเอียดก่อนว่าติดปัญหาเกี่ยวกับประเด็นเรื่องใด แต่เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ที่จะเข้ามาระดมทุน เพราะธุรกิจของ กฟผ.นั้นมีลักษณะของการผูกขาด

ในส่วนของบริษัท กสท.โทรคมนาคม ที่จะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นการแปรรูปจะต้องใช้เวลาพอสมควร และพิจารณาถึงความเหมือนและความแตกต่างกับ กฟผ.ว่าเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าบริษัท กสท.โทรคมนาคมนั้นมีลักษณะของการผูกขาดที่น้อยกว่า

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า การที่ศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินออกมาแล้วนั้น ก็ต้องเคารพในคำตัดสินนั้น และตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายมาร์เกตแคปเป็นรายปีแต่อย่างใด

อนึ่งก่อนหน้านี้นางสาวโสภาวดีเคยแสดงความเห็นว่า ตลาดหลักทรัพย์ไม่เคยนับรัฐวิสาหกิจเข้ามารวมอยู่ในบริษัทเป้าหมาย เพราะการนำรัฐวิสาหกิจเข้ามาจดทะเบียนนั้น ขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐบาลว่าจะเป็นอย่างไร


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.