พีเจ้นเสียวเด็กเกิดใหม่น้อยลงเล็งนำเข้าเสื้อผ้า-อาหารลดเสี่ยง


ผู้จัดการรายวัน(22 มีนาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

มุ่งพัฒนาเตรียมต่อยอดธุรกิจ เล็ง 2 ธุรกิจใหม่ในกลุ่มเสื้อผ้าเด็กและอาหารเด็ก ขณะนี้กำลังศึกษาตลาดอยู่คาดว่าภายใน 1 ปีจะเห็นผล ในส่วนพีเจ้นปีนี้เดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่ 60-70 รายการ เน้นสินค้าที่มีหลายฟังก์ชั่นและตลาดยังไม่มี พร้อมรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นหลังเห็นช่องว่างทางการตลาด รวมถึงขยายช่องทางขายทั้งอี-คอมเมิร์ส , ขายตรงผ่านแอมเวย์ และร้านพีเจ้นชอป ตั้งเป้าสิ้นปียอดขายโต 15%

นายนิรามัย ลักษณานันท์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัทมุ่งพัฒนามาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก ภายใต้แบรนด์ “พีเจ้น” เปิดเผยว่า ปัจจุบันอัตราการเกิดของเด็กมีน้อยลงอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 6-7 แสนคนต่อปี หรือหนึ่งครอบครัวจะมีลูกไม่เกิน 1-2 คน บริษัทฯจึงต้องเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ตลาดยังไม่มี อย่างเบบี้ไวพ์ที่บริษัทฯเป็นรายแรกที่เปิดตลาด รวมถึงบริษัทฯยังได้มองหาธุรกิจอื่นที่ช่วยต่อยอดหรือเสริมรายได้มากขึ้น ซึ่งธุรกิจที่น่าสนใจลงทุน อาทิ เครื่องแต่งกายเด็กและอาหารเด็ก เบื้องต้นสินค้าจะนำเข้าจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นที่มีสินค้าอยู่หลายกลุ่มและครบไลน์

ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงศึกษาตลาดอยู่ เนื่องจากธุรกิจเสื้อผ้าเด็กปัจจุบันมีคู่แข่งมาก โดยอุตสาหกรรมมีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งในแง่แบรนด์พีเจ้นก็มีความได้เปรียบอยู่แล้ว ส่วนอาหารเด็กมีความยุ่งยากในขั้นตอนการขออย. ดังนั้นบริษัทฯจึงต้องศึกษาตลาดให้ดีก่อน สำหรับอาหารเด็กที่บริษัทแม่มีจำหน่าย เช่น น้ำซุป,อาหารแห้ง, อาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมปรุง เป็นต้น ทั้งนี้ธุรกิจใหม่คาดว่าภายใน 1 ปีน่าจะเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

พีเจ้นขนสินค้าใหม่เปิดตัว 60-70 รายการ

นายเมธิน เลิศสุมิตรกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทฯ เปิดเผยถึงกลยุทธ์การตลาดปีนี้ของพีเจ้นว่า บริษัทฯจะเน้นการแตกไลน์สินค้าใหม่ที่สามารถใช้งานได้หลายอย่างหรือสินค้ายังไม่มีใครทำตลาด ซึ่งในแต่ละปีเฉลี่ยจะมีสินค้าใหม่ 60-70 รายการ โดยเมื่อช่วงต้นปีบริษัทฯเพิ่งเปิดตัวสินค้าใหม่ ได้แก่ ถ้วยหัดดื่ม และเบสต์พั๊มส์ จากปัจจุบันมีกว่า 600-700 รายการ และสินค้าที่ทำตลาดจริงจะมี 100 รายการ อาทิ จุกนม,ขวดนม,เบบี้ไวพ์ เป็นต้น

ประกอบกับการเน้นขยายช่องทางการขายใหม่ๆ อาทิ การขยายสินค้าสู่สเปเชี่ยล ชอป หรือพีเจ้นชอป ซึ่งมีแผนจะเปิดในรูปแบบแฟลกชิพสโตร์ที่จำหน่ายสินค้าแบบครบวงจรของพีเจ้น โดยเล็งเปิดสาขาในกรุงเทพฯก่อน ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 4-5 ล้านบาท คาดว่าจะได้เห็นภายในปีนี้ 1 ชอป

ขณะที่ช่องทางการขายอื่นๆ เช่น ขายตรงผ่านแอมเวย์ ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าเบบี้ ไวพ์ 1 รายการ โดยบริษัทฯมีแผนเพิ่มสินค้าในช่องทางนี้อีก 10 รายการ ขณะนี้กำลังเจรจาอยู่และคาดว่าจะรู้ผลอีก 1-2 เดือนนี้ อีกทั้งมีแผนขยายช่องทางไปสู่อี-คอมเมิร์ซ คาดว่าจะเสร็จภายในครีงปีแรกนี้ ซึ่งสัดส่วนยอดขายของขายตรงและอี-คอมเมิร์ซ คิดเป็นสัดส่วน 5% และอีก 95% เป็นช่องทางโมเดิร์นเทรดและเทรดดิชั่นนัล

รุกขยายฐานต่างจังหวัด

“ปีนี้เราจะรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากยังมีช่องว่างและโอกาสทางการตลาดอยู่มาก โดยเฉพาะจังหวัดที่มีกำลังซื้อดี เช่น เชียงใหม่,ชลบุรี โคราชและอุดรธานี เป็นต้น ซึ่งการขยายตลาดจะทำผ่านทั้งโมเดิร์นเทรด ไฮเปอร์มาร์เก็ต โลคอล ดีพาร์ทเมนต์สโตร์ และแคชแวร์หรือรถจำหน่ายสินค้าพีเจ้นด้วยเงินสด ภายใต้งบการตลาด 30% จากงบตลาดรวมทั้งปี 25 ล้านบาท”

ทั้งนี้เมื่อต้นปีบริษัทฯได้มีการลงทุนกว่า 50 ล้านบาทในการขยายโรงงานผลิตจุกนมและขวดนมเพิ่ม 1 แห่ง ในบริเวณโรงงานเดิม เพื่อรองรับการผลิตสินค้าทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 20-30% โดยโรงงานนี้จะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงกลางปีนี้

สำหรับยอดรายได้ของพีเจ้นปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 215 ล้านบาทหรือเติบโต 15% จากปีที่แล้ว โดยยอดขายแบ่งเป็นกลุ่มสินค้าผลิตในประเทศ 65% และนำเข้าจากต่างประเทศ 35% ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมียอดขายโตกว่า 20% หากเทียบกับปีก่อน เป็นเพราะการเปิดตัวสินค้าใหม่และจัดกิจกรรม 2 งาน เช่น เบบี้ เบสต์ บาย ที่ศูนย์สิริกิติ์และงานรักลูกที่เมืองทองธานี โดยเรื่องภาวะเศรษฐกิจและการเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสินค้าแม่และเด็ก เนื่องจากตลาดมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนและคุณแม่ยุคใหม่ใช้จ่ายเพื่อลูกต่อหัวมากขึ้น

ตลาดรวมผลิตภัณฑ์แม่และเด็กปีที่แล้วมีมูลค่า 570 ล้านบาทและเติบโต 10% โดยตลาดแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ตลาดพรีเมี่ยม 255 ล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วน 45% ตลาดระดับกลาง 148 ล้านบาทและคิดเป็น 26% และตลาดล่าง 167 ล้านบาทและคิดเป็น 29% ปีนี้คาดการณ์าตลาดรวมจะโต 10% โดยพีเจ้นเป็นผู้นำตลาดพรีเมี่ยมและกลางด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 38%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.