|
ซีอาร์ซีโกอินเตอร์ลุยค้าปลีกปักธงจีนศึกษา10เมืองใหญ่
ผู้จัดการรายวัน(21 มีนาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ซีอาร์ซี เปิดแผน สยายปีกสู่ต่างประเทศ สู่เอเชีย เป้าหมายแรก ประเทศ จีน มั่นใจ นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าปักธงเมืองจีนได้ไม่ยาก เผยอยุ่ระหว่างเจรจาอีก 2 ดีลใหญ่ มูลค่าดีลละไม่ต่ำกว่า พันล้านบาท คาดสรุปได้เร็วนี้ ประเดิมไปแล้วกับการเข้าถือหุ้นในเพจวัน สิงคโปร์รุกธุรกิจค้าปลีกหนังสือ
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือซีอาร์ซี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางซีอาร์ซีมีแผนที่จะขยายการลงทุนต่างประเทศอย่างชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย โดยมุ่งหวังที่จะเป็นผู้นำในตลาดนี้ ซึ่งที่ผ่านมาในช่วง 2 ปีได้มีการศึกษาตลาดมามากพอสมควร โดยเฉพาะในประเทศจีน ทั้งรูปแบบการลงทุน ธุรกิจที่จะขยาย ตลาดเป้าหมายต่างๆรวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค อุปสงค์อุปทานในแต่ละประเทศ และคู่แข่งที่ไปเปิดตลาดแล้ว
“เวลานี้ประเทศจีน เริ่มมีแนวโน้มเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก อยู่ที่ว่าเราจะอยู่อย่างนี้ตลอดหรือจะเข้าสมรภูมิระดับโลก ตอนนี้ทุกคนไปจีนกันหมดแล้ว ธุรกิจห้างสรรพสินค้าเป็นธุรกิจที่เราคิดว่าน่าจะมีโอกาส เพราะดีพาร์ทเมนท์คนเอเซีย น่าจะทำได้ดีที่สุดแล้วดีกว่ายุโรปหรืออเมริกาเสียอีก ส่วนธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตต้องแข่งกับพวกยุโรปอย่างวอลล์มาร์ท คาร์ฟูร์ เป็นต้น ซึ่งในไทยเราก็แข่งมาแล้วทำได้ในระดับหนึ่ง”
เขากล่าวด้วยว่า ในเอเซีย ธุรกิจค้าปลีกประเภทดีพาร์ทเมนสโตร์ ทางเซ็นทรัลก็อยู่ในระดับท็อปอยู่แล้ว สามารถแข่งขันได้ในระดับเอเชียด้วยกัน ซึ่งค้าปลีกญี่ปุ่นเราก็แข่งแล้วใ0นไทย ส่วนที่ยังไม่เคยเจอก็คือ เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซีอาร์ซีได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร รีเทล เอเชีย ร่วมกับบสำนักงานตรวจสอบ เคพีเอ็มจี และ ยูโรมอนิเตอร์ ให้เป็น Top Retailer 2005 Gold – Thailand ของผู้ดำเนินการธุรกิจค้าปลีกของไทย ด้วยผลประกอบการสูงสุดของไทย พร้อมกันนี้ทางคณะกรรมการยังได้มอบรางวัลพิเศษ Best of the Best Awards Asia Pacific ให้กับกลุ่มเซ็นทรัลรีเทลคอร์ปอเรชั่นอีก 1 รางวัล ซึ่งพิจารณาตัดสินจากเกณฑ์ การให้บริการลูกค้า การนำเสนอสินค้า การบริหารจัดการร้าน การสื่อสารทางการตลาด การบริหารงานบุคคล การใช้เทคโนโลยี วัฒนธรรมองค์กร
เป้าหมายหลักของกลุ่มซีอาร์ซีคือประเทศจีน ซึ่งขณะนี้ได้ทำการศึกษาใน 10 เมืองใหญ่ เช่น ที่ เซี่ยงไฮ้ กวางเจา ปักกิ่ง นานจิง เป็นต้น โดยรูปแบบที่จะไปนั้นจะมีทั้ง การร่วมลงทุน การเทคโอเวอร์ การลงทุนเอง แล้วแต่ความเป็นไปได้และความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ซึ่งแต่ละเมืองนั้นก็ล้วนแต่มีค้าปลีกต่างประเทศเข้าไปลงทุนกันแล้วทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ประเทศอื่นนอกเหนือจากจีนก็ยังมีด้วย ซึ่งก็อยู่ระหว่างการศึกษาเช่นกัน แต่ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก ซึ่งธุรกิจที่จะไปก็คือ ค้าปลีกในรูปแบบห้างสรรพสินค้า
ธุรกิจแรกที่ซีอาร์ซีประเดิมลงทุนขยายในต่างประเทศแล้วคือ การเข้าซื้อหุ้นเพจวัน สิงคโปร์ จำนวน 39.1% ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำธุรกิจค้าปลีกค้าส่งหนังสือรายใหญ่และมีสำนักพิมพ์ด้วย เปิดธุรกิจในฮ่องกง มาเลเซีย ใต้หวัน ซึ่งปัจจุบันมีร้านหนังสือเพจวัน 4 สาขาที่ฮ่องกง มี 1 สาขาที่ไต้หวัน และยังมีการเช่าพื้นที่ในร้านคิโนคุนิยะเพื่อจำหน่ายหนังสือเกี่ยวกับ อาร์ทแอนด์ดีไซน์ ซึ่งขณะนี้มีรวม 5 สาขาคือ ที่สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทยมี 3 สาขา
“การลงทุนในเพจวันนี้ ถือว่าเราสามารถขยายธุรกิจได้ในอีก 3-4 ประเทศในคราวเดียวกัน และจะทำให้เราก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านหนังสือได้ด้วย”
นอกจากนี้ยังมีอีก 2 ธุรกิจที่อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆนี้ โดยมีมูลค่าการลงทุนมากกว่าพันล้านบาทต่อราย ซึ่งเป็นธุรกิจที่ซีอาร์ซีมีอยู่แล้ว
การเตรียมพร้อมส่วนหนึ่งคือ ด้านบุคลากรที่จะไปทำงานในต่างประเทศ ซึ่งซีอาร์ซีมีพนักงานเวลานี้กว่า 41,000 คน (ของบริษัทฯเอง 22,000 คน ที่เหลือเป็นพีซี) โดยตั้งงบประมาณไว้ 20 ล้านบาท ในการผลิตบุคลกรด้านค้าปลีก ซึ่งจะตั้งเป็นเซ็นทรัลรีเทลอะคาเดมี มีอย่างน้อย 3 หลักสูตร รวมทั้งหมดกว่า 100 วิชา เพื่อพัฒนาบุคลากรรองรับการขยายตัวในนอนาคต
สำหรับเงินลงทุนที่จะนำมาใช้ในการขยายกิจการนั้น หลักๆคือ มาจากแคชโฟลว์ของบริษัทฯเอง ส่วนการเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น มีการคิดกันมาต่อเนื่องในบอร์ด แต่คาดว่าคงจะยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ก็ไม่แน่ เพราะขึ้นอยู่กับว่าการลงทุนในต่างประเทศหรือโครงการต่างๆต้องใช้เงินลงทุนมากน้อยแค่ใด และจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องระดมทุนใช้เงินจำนวนมากในการลงทุน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|