TKSเพิ่มทุนบริษัทย่อยล็อตแรก40ล.การเมืองไม่นิ่งชะลอแผนเข้าตลาดหุ้น


ผู้จัดการรายวัน(21 มีนาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

บอร์ด "ที.เค.เอส. เทคโนโลยี" อนุมัติเพิ่มทุนบริษัทย่อยเป็น 200 ล้านบาท จากเดิม 60 ล้านบาท เรียกชำระล็อตแรก 40 ล้านบาท หวังนำเงินไปสมทบก่อสร้างโรงพิมพ์ที่ต้องใช้ทุนกว่า 350 ล้านบาท เพื่อรองรับธุรกิจการพิมพ์ที่โตต่อเนื่องและรับอานิสงส์จากการเลือกตั้ง พร้อมเลื่อนแผนนำบริษัท สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด เข้าตลาดหุ้น เหตุการเมืองไม่นิ่ง ระบุการเมื่องยืดเยื้อฉุดจีดีพีลง 0.50%

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการบริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2549 มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนในบริษัท สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทย่อยที่ TKS ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 100% จากเดิม 60 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท โดยเรียกชำระก่อน 40 ล้านบาท ภายในเดือนเมษายน 2549 วัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุน เพื่อใช้ในการลงทุนและหมุนเวียนธุรกิจ

พร้อมกันนี้ ยังอนุมติจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานสำหรับปี 2548 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท สำหรับหุ้นสามัญที่ออกทั้งสิ้น 248,073,200 หุ้น และการจัดสรรเป็นสำรองตามกฎหมายจำนวนเงิน 3,578,053.99 บาท ทั้งนี้บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 16 พฤษภาคม 2549

โดยบริษัทกำหนดปิดสมุดลงทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2549 และสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 4 เมษายน 2549 และประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2549 วันที่ 17 เมษายน 2549

นายสุพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมถึง เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้ลงทุนในการก่อสร้างโรงพิมพ์ ที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมทั้งหมด 350 บาท และคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ปี 2549 นี้ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจการพิมพ์ขยายตัวขึ้นประมาณ 30% จากสิ้นปี 2548 ที่มีรายได้จากธุรกิจการพิมพ์ 900 ล้านบาท

"ภาพรวมธุรกิจการพิมพ์ในปีนี้ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และยังได้รับอานิสงค์จากการเลือกตั้ง โดยคาดว่าตลาดธุรกิจการพิมพ์จะขยายตัวได้ประมาณ 5-10% เพราะนอกจากการเลือกตั้งแล้ว ในปีนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการจัดเทศกาลฟุตบอลโลก และงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีด้วย"

สำหรับความคืบหน้าแผนการนำบริษัท สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั้น นายสุพันธุ์ กล่าวว่า บริษัทจะเลื่อนกำหนดจากเดิมที่คาดว่าจะนำเข้าจดทะเบียนในไตรมาส 3 ปีนี้ เป็นปี 2550 เนื่องจากมองว่าภาวะของตลาดในขณะนี้ยังไม่เอื้ออำนวย ขณะที่รายได้ที่จะเข้ามาอาจจะยังไม่มากนัก เนื่องจากเริ่มเปิดดำเนินงานได้ 2 เดือนหลังจากที่มีการเพิ่มทุนแล้ว ส่วนบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินคาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 2 ปีนี้

"ผมมองว่าสถานการณ์การเมืองที่คุกรุ่นอยู่ ในระยะสั้นหากยังไม่มีการปรับเปลี่ยนรุนแรง คาดว่าจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่หากยืดเยื้อเกิน 2 เดือน อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของอัตราการเติบโตของประเทศที่จะทำให้จีดีพี เติบโตลดลง 0.5% จากเดิมที่เคยคาดไว้ 4-4.5%"

ส่วนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2549 นี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโตจากปี 2548 ที่มีรายได้ 9.98 พันล้านบาท ประมาณ 12-15% เนื่องจากธุรกิจการพิมพ์ยังมีอัตราเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ขณะที่อัตรากำไรสุทธิจะเติบโตจากปี 2548 ประมาณ 15-20% จากที่ปี 2548 มีกำไรสุทธิรวม 71 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนถึง 32%

"ไตรมาสแรกปีนี้ ผมมั่นใจว่ารายได้จะดีกว่าไตรมาสแรกของปี 2548 แน่นอน เนื่องจากบริษัทมีงานในส่วนของการพิมพ์เสริมเข้ามาจึงทำให้รายได้เพิ่มขึ้น" นายสุพันธุ์ กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.