ลีเวอร์ทุ่ม4.5พันล.ลุย


ผู้จัดการรายวัน(21 มีนาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

“ยูนิลีเวอร์”ยักษ์ใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภค ชี้สถานการณ์การเมืองไทยไม่กระทบตลาดอุปโภคบริโภค เดินหน้าทุ่มงบ 4,500 ล้านบาท ตอกย้ำพันธกิจ”เติมพลังให้ชีวิต” ปั้น 2 ดาวรุ่ง”อาหาร-สกินแคร์”ลุยหลังพบตลาดยังโต อัดนวัตกรรมปลุกตลาดอิ่มตัว สิ้นปีโต 8-10% เพิ่มจากปีที่ผ่านมากวาดรายได้ 3 หมื่นล้านบาท

นายลออิศ ทาร์ดี้ ประธาน บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยในฐานะก้าวขึ้นเป็นประธานคนใหม่ในประเทศไทยว่า แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์การเมืองไทยที่ยังไม่มีความชัดเจน รวมทั้งปัจจัยลบด้านราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้น แต่ปีนี้ยูนิลีเวอร์ยังคงวางเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 8-10% จากในปีที่ผ่านมาโต 8% มีรายได้ 30,000 ล้านบาท ภายใต้การทุ่มงบการตลาด 15% ของรายได้รวม หรือคิดเป็น 4,500 ล้านบาท เพื่อตอกย้ำพันธกิจ ”เติมพลังให้ชีวิต” ที่จะใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุกริจ

“เราดำเนินธุรกิจในไทยปีนี้เป็นปีที่ 73 แล้ว ผมเชื่อว่าปัญหาการเมืองไทยไม่ใช่ปัญหาใหญ่ และเรายังคงเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยว่าสามารถเติบโตได้ อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อโครงการใหญ่หรือโครงการเมกกะโปรเจกต์ รวมทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และรถยนต์อาจจะมีการชะลอตัวลงบ้าง ขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก รวมทั้งไม่มีผลทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาใช้สินค้าขนาดเล็กลง”

สภาพตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 6% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ดี แม้ว่าสินค้าจะปรับราคาเพิ่มขึ้น แต่เป็นเพราะผู้บริโภคมีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยเปลี่ยนไป หันมาซื้อสินค้าที่จำเป็นในชีวิตมากกว่าการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ดังนั้นทำให้บริษัทมั่นใจศักยภาพของประเทศไทย ซึ่งปีนี้ได้เตรียมลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของโรงงาน จากปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าในภูมิภาคเอเชีย โดยมีสัดส่วนรายได้ส่งออกคิดเป็น 10% ของ 30,000 ล้านบาท ขณะที่ด้านกำลังผลิตขณะนี้ใช้ไปแล้ว 85%

สำหรับแนวทางการตลาดปีนี้หัวใจสำคัญ คือ การเพิ่มคุณค่าและนวัตกรรมใหม่ให้กับ 12 แคธิกอรี่ ซึ่งปีนี้บริษัทเน้นทำตลาดในเชิงรุก 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอาหาร เนื่องจากคาดการณ์ว่าเป็นกลุ่มที่เติบโตได้ดี จากตัวเลขปีที่ผ่านมาโต 2 เท่า เพราะสอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่มีเวลาทำอาหารเอง โดยยูนิลีเวอร์จะเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่จะสนองความต้องการและวิถีชีวิตทันสมัย เช่น มีคุณค่าทางโภชนาการ มีน้ำตาลน้อย ทั้งนี้บริษัทได้วางเป้าหมายให้กลุ่มอาหารมีความแข็งแกร่งในอนาคต จากปัจจุบันในกลุ่มอาหารยูนิลีเวอร์ มีสินค้าภายใต้แบรนด์เบสท์ฟู้ดส์ โดยกลุ่มน้ำสลัดครองส่วนแบ่ง 45% ไอศกรีมวอลล์ 50%ฯลฯ

ส่วนกลุ่มที่สอง “สกินแคร์” หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายใต้แบรนด์พอนดส์ ซิตร้า วาสลีน ซึ่งปัจจุบันในกลุ่มสกินแคร์มีส่วนแบ่ง 50% เป็นผู้นำตลาด ทั้งนี้การที่บริษัทเน้นทำตลาดสกินแคร์ในเชิงรุก เนื่องจากสภาพตลาดยังคงมีอัตราการเติบโตสูง โดยพบว่าในเอเชียอย่างประเทศญี่ปุ่นใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 22 ชิ้นลงบนใบหน้า ด้านการทำตลาดแคธิกอรี่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มของใช้ส่วนบุคคล ได้แก่ ยาสีฟัน แชมพู สบู่ ฯลฯ แม้ว่าปีนี้สภาพตลาดมีอัตราการเติบโตน้อย แต่บริษัทจะเน้นพัฒนานวัตกรรมใหม่ออกมากระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง

“ปีนี้เราเน้นการบริหารต้นทุนการผลิต โดยเน้นลดครอสสายการผลิต และกระบวนการทำงาน ฯลฯ เพื่อลดต้นทุนไม่ให้กินเนื้อตัวเอง เพื่อไม่ให้กำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา” นายทาร์ดี้ กล่าวเพิ่มเติม

ปัจจุบันยูนิลีเวอร์มีส่วนแบ่ง 40% ในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค 12 แคธิกอรี่ มี 10 แคธิกอรี่ขึ้นเป็นผู้นำตลาด เช่น แชมพู 3 แบรนด์ ซันซิล โดฟ คลีนิคเคลียร์ มีส่วนแบ่ง 52% ผงซักฟอกบรีส โอโม 65% น้ำยาปรับผ้านุ่มคอมฟอร์ท 30% สบู่ลักส์ 35% น้ำยาล้างจานซันไลต์ 65% ฯลฯ ส่วนอีกสองแคธิกอรี่ที่ยังไม่สามารถเป็นผู้นำตลาดได้ ได้แก่ ยาสีฟันใกล้ชิดมีส่วนแบ่ง 10% และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายเรโซน่า และแอ็กซ์มีส่วนแบ่ง 20% ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนและทันตผลิตภัณฑ์เติบโต 10%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.