"มาริษา คุวานันท์ ทายาทโค้วหยู่ฮะที่ไม่ใช่สิงห์รถบรรทุก"


นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

"โค้วหยู่ฮะ" เป็นบริษัทค้ารถบรรทุกที่มั่งคั่งบริษัทหนึ่งของเมืองไทย มีชื่อเสียงมายาวนาน แม้จะมีข่าวแง่ลบออกมาบ้างเป็นบางครั้งคราวในแวดวงธุรกิจค้ารถ ถึงขนาดที่ผู้บริหารของโค้วหยู่ฮะเองเอ่ยปากว่าไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีข่าวในแง่ลบของโค้วหยู่ฮะอยู่บ่อยๆ

แต่โค้วหยู่ฮะก็ดูจะไม่หวั่นไหว และคงจะต้องเข้าใจกับธุรกิจที่มีการแข่งขัน และมีผู้ร่วมอาชีพเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งนี้ด้วย โค้วหยู่ฮะจึงไม่ได้หยุดตัวเองที่ธุรกิจค้ารถบรรทุก แต่กำลังทดลองและมองหาธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับตนเองโดยเฉพาะการเตรียมธุรกิจให้กับรุ่นลูก ๆ หลาน ๆ ที่จะเติบโตขึ้นมาอีกมาก

มาถึงปัจจุบันการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นหนึ่งในธุรกิจที่โค้วหยู่ฮะทำแบบจุบจิบมานาน จึงกำลังรุกเพื่ออนาคตที่ก้าวไกลและจริงจังมากขึ้น

มาริษา คุวานันท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท วีเคแอนด์เอ็ม จำกัด บริษัทในเครือโค้วหยู่ฮะ กรุงเทพฯ จำกัด กล่าวถึงสาเหตุที่โค้วหยู่ฮะเข้ามาสู่ธุรกิจพัฒนาที่ดินว่า

"ที่โค้วหยู่ฮะหันมาทำที่ดินเพราะที่ดินของโค้วหยู่ฮะมีมาก แล้วจึงต้องคิดกันว่าจะเอามาทำประโยชน์อย่างไร เมื่อเห็นกันว่าเมืองมีการขยายตัวมากขึ้น อย่างต่อเนื่อง รวมถึงประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงต้องเพิ่มเป็นเงาตามตัว บริษัทจึงได้ศึกษาความต้องการที่อยู่อาศัยของประชากร ย่านอำเภอเสนา จ. อยุธยา ที่โค้วหยู่ฮะมีที่ดินอยู่เดิม ก็พบว่า ในย่านนี้ยังขาดแคลนที่อยู่อาศัยอยู่มาก ทำให้บริษัทเริ่มดำเนินงานให้เกิดโครงการเสนาธานีขึ้นที่นี่ บนที่ดินเดิมที่มีอยู่แล้วของโค้วหยู่ฮะ ซึ่งเป็นบริษัทแม่"

ไม่เฉพาะผลจากการศึกษาก่อนทำโครงการ มาริษา ยังเชื่อว่า ทำเลที่ตั้งและคุณภาพกับราคาขายที่อยู่อาศัยของโครงการยังได้เปรียบคู่แข่งขันในย่านเดียวกันด้วย รวมถึงรูปที่ดิน และการตัดถนนในโครงการซึ่งทำโดยอาศัยหลักฮวงจุ้ย คือ มีลำน้ำธรรมชาติตัดผ่านเป็นรูปอุ้งมังกร และการตัดถนนเมนในโครงการเป็นเส้นโค้ง เพื่อให้ทุกบ้านอยู่อย่างเป็นสุขไม่ต้องกังวลเรื่องฮวงจุ้ย และนี่ก็เป็นแนวคิดจากรากฐานความเชื่อของคนจีนที่แพร่ระบาดอีกอย่างหนึ่งในการพัฒนาที่อยู่อาศัย

โครงการเสนาธานี ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 150 ไร่ ประกอบด้วยอาคารพาณิชย์ทาวเฮ้าส์ชั้นเดียวและสองชั้น บ้านแฝดรวมประมาณ 400 ยูนิต มีสาธารณูปโภค คลับเฮ้าส์ครบครัน ซึ่งผู้บริหารใช้เป็นจุดเด่นของโครงการเพราะโครงการอื่น ๆ ในย่านเดียวกันจะไม่มีในส่วนนี้ ทำให้ราคาขายของบ้านในโครงการสูงกว่าโครงการอื่น คืออยู่ในราคาระหว่าง 4 แสนบาทขึ้นไปสำหรับทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว 24 ตารางวา จนถึงบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาด 50 ตารางวา ราคา 1 ล้านเศษ

"โครงการนี้เปิดขายอย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่ปลายปี 2538 แต่ติดปัญหาน้ำท่วมในหลาย ๆ เขตของจังหวัดอยุธยา เขตของจังหวัดอยุธยา จึงชะลอการเปิดโครงการไว้ชั่วคราว เพราะคิดว่าคนคงไม่มีอารมณ์มาซื้อบ้านในช่วงนั้น แม้เราจะยืนยันได้ว่าโครงการเราน้ำไม่ท่วม เพราะถมดินสูงกว่าระดับถนนถึง 80 เซนติเมตร พอพ้นช่วงน้ำท่วมในเดือนกุมภาพันธ์เรามียอดขาย 40% รวมถึงวันเปิดตัววันนี้ก็ 70% สำหรับ 100 ยูนิตในเฟสแรก แล้วขายหมดเมื่อไรก็จะเปิดเฟส 2 ต่อ ทันที ซึ่งคาดว่าจะปิดการขายทั้งโครงการได้ภายใน 2 ปีนี้ เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ใกล้เคียง โดยมากคือกลุ่มข้าราชการและพนักงานประจำ" มาริษา กล่าว

สำหรับการพัฒนาที่ดินในเครือโค้วหยู่ฮะ ซึ่งมีที่ดินสะสมในเขตเมืองและเขตอื่น ๆ ของจังหวัดต่าง ๆ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต ระยอง และจังหวัดสำคัญ ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเช่น ขอนแก่น ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีสาขาของโค้วหยู่ฮะอยู่รวม 35 จังหวัด รวมที่ดินสะสมประมาณ 20,000 ไร่นั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ดินเหล่านี้กำลังจะค่อย ๆ ถูกทยอยนำออกมาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างจริง ๆ จัง ๆ ทีละแปลง ๆ ต่อจากนี้ไปอย่างแน่นอน

แต่จะเป็นในรูปใดนั้นต้องรอดูกันไป เพราะสำหรับตอนนี้แรงหนุนที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหริมทรัพย์ก็คือ การต่อท้ายชื่อบริษัทที่ตั้งขึ้นมาว่า "บริษัทในเครือ โค้วหยู่ฮะ กรุงเทพฯ จำกัด" ที่ดูจะให้เครดิตกับลูกค้าที่จะวางใจในโครงการได้พอสมควร โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงของผู้ประกอบการ

อย่างไรก็ตามโครงการเสนาธานีแห่งนี้ ถือว่าเป็นโครงการที่สองมีมูลค่าการพัฒนาเป็นตัวเงินหลักหลายร้อยล้าน จากโครงการพัฒนาที่ดินในเครือโค้วหยู่ฮะ

ส่วนที่ทำอย่างจริงจังเป็นโครงการแรกคือ โครงการบิ๊กแลนด์ ย่านรังสิตและวังน้อย จ. อยุธยา ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้การถือหุ้น 25% ของโค้วหยู่ฮะ กรุงเทพฯ อันเป็นบริษัทแม่ที่เข้าเป็นผู้ถือหุ้นขั้นต่ำเช่นนี้เสมอ โดยวิญญู คุวานันท์ จะจัดให้ลูก ๆ ทั้งสี่คน ได้แก่ สราวุธ สารินี มาริษา และพีระยา แบ่งทีมกันรับผิดชอบเพื่อบริหารเป็นโครงการ ๆ ไป

โครงการบิ๊กแลนด์ มีผู้บริหารหลักคือ สราวุธ คุวานันท์ ลูกชายคนเดียวของวิญญู และมีผู้ช่วยคือ สารินี

ลูกสาวอีกสองคนที่เหลือ คือมาริษา และพีระยา จึงเป็นทีมผู้บริหารหลักของโครงการเสนาธานี ถือเป็นกลุ่มที่สองที่มีหน้าที่รับผิดชอบพัฒนาโครงการนี้โดยตรง ภายใต้การช่วยเหลือและสอดส่องอยู่ห่าง ๆ ของคนในครอบครัวและผู้สนับสนุนโครงการรายอื่น ๆ ที่มีสัมพันธ์ทางธุรกิจกันมา

อาทิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาผู้สนับสนุนโครงการมูลค่า 400 ล้านบาทของโครงการเสนาธานี กลุ่มบริษัทในเครือโค้วหยู่ฮะซึ่งกว้างขวางในจังหวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะแถบภาคอีสานอย่างขอนแก่นก็มาเป็นกำลังใจ และเพื่อนร่วมธุรกิจจากโครงการอื่น ๆ อีกคับคั่งที่มาปรากฎตัวให้เห็นในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการของโครงการเสนาธานีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2539 ที่ผ่านมา

เดิมก่อนหน้าที่วิญญูจะส่งลูก ๆ ทั้ง 4 คนของเขา ลงสนามการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจัง ทุกคนมีโอกาสได้ฝึกปรือกันมาบ้างแล้ว จากโครงการเล็ก ๆ จำพวกอาคารพาณิชย์ขนาดไม่กี่ยูนิต บนพื้นที่เล็ก ๆ ย่านชานเมือง หรือตัวเมืองในจังหวัดต่าง ๆ ที่โค้วหยู่ฮะมีที่ดินกระจายอยู่ทั่วไป ไม่มีชื่อโครงการ เพียงแต่เป็นที่รู้กันของลูกค้าว่าเป็นของโค้วหยู่ฮะทำขาย

รวมถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบอื่นก็มี เช่น โรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ชื่อคอวิเด้นท์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ เป็นต้น

ในส่วนตัวของมาริษาเองคิดว่าแม้จะมีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่เกิดขึ้น บริษัทที่ตั้งขึ้นยังคงจะใช้เป็นบริษัทในเครือโค้วหยู่ฮะไปก่อน แล้วพัฒนาเป็นโครงการ ๆ ไป เรื่อย ๆ ตามที่ดินที่มีอยู่

ส่วนเมื่อใดที่ "โค้วหยู่ฮะ" จะมีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเองที่เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคทั่วไป โดยไม่ต้องอาศัยคำต่อท้ายว่า "บริษัทในเครือโค้วหยู่ฮะ กรุงเทพฯ" นั้นเป็นเรื่องอนาคตที่บรรดาลูกของวิญญู คุวานันท์ต้องพิสูจน์ฝีมือกันเอง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.