"สุระ จันทร์ศรีชวาลา/คนดวงแข็ง"

โดย อภิชาติ ชอบชื่นชม
นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วหากพูดว่าผู้ที่กุมบังเหียนการบริหารที่แท้จริงของธนาคารแหลมทองคือสุระ(จันทร์) จันทร์ศรีชวาลา คงเรียกเสียงหัวเราะหึ ๆ หะ ๆ จากคนในแวดวงการเงินได้บ้างหรือยิ่งทำนายทักว่าสุระ จันทร์ศรีชวาลา คือผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในบรรดา 3 "สุ" ที่ประกอบด้วยอีก 2 "ส" มี สุธี นพคุณแห่งธุรกิจในเครือกลุ่มตึกดำ (เครือโรงแรมรามาทาวเวอร์ บริษัทพัฒนาเงินทุน บริษัทประกันชีวิตอินเตอร์ไลฟ์ฯลฯ) และสุพจน์เดชสกุลธรแห่งบริษัทเยาวราชไฟแนนซ์ฯ รวมทั้ง ตามใจ ขำภโต อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่แบงก์กรุงไทยที่มีอุปการะคุณกับสุระมาตลอด… นั่นต้องหัวเราะกันครืนใหญ่แน่

และหากพูดถึงในวงการการเมืองที่มีคอลัมนิสต์บางท่านยกย่อง พล.อ. เอกสมบุญ ระหงส์เปรียบเทียบเป็นเล่าปี่ ที่มีบุคลิกอ่อนน้อมถ่อมตนค้อมกาย ยกมือไหว้ทั้งสิบทิศแล้ว สุระ จันทร์ศรีชวาลาก็เป็นหนึ่งซึ่งสามารถใช้สมญานามนั้นได้อย่างไม่เคอะเขินสำหรับในแวดวงธุรกิจ

ลักษณาการของบุคลิกเล่าปี่เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะปี 2525-2526 ในช่วงวิกฤติการณ์สถาบันการเงินครั้งที่ 2 สุระ จันทร์ศรีชวาลาพยายามดิ้นรนอย่างหนักที่จะประคับประคองสถาบันการเงินในเครือของตนไม่ว่าจะเป็นบริษัทเงินทุนมิดแลนด์ และบริษัทเงินทุนเชียงใหม่ทรัสต์ นอกเหนือจากขอความช่วยเหลือจากนักธุรกิจมังกรตัวจริงที่เร้นกายไม่สู้ปรากฏตัวในงานสังคมทั่วไปแล้ว หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอย่างธนาคารแห่งประเทศไทยก็อยู่ในข่ายด้วย

ในช่วงดังกล่าวหน่วยงานของแบงก์ชาติที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสถาบันการเงินก็คือ ฝ่ายกำกับ และตรวจสอบสถาบันการเงินซึ่งมีเริงชัย มะระกานนท์เป็นผู้อำนวยการฝ่าย แต่สุระ จันทร์ศรีชวาลามีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่ง เนื่องจากเริงชัยก็เหมือนคนไทยส่วนใหญ่ที่เป็นโรคกลัว "แขก" อีกทั้งโดยอุปนิเสียและกฏเหล็กของแบงก์ชาติก็ไม่เปิดโอกาสให้เลือกปฏิบัติกับสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่งจึ่งเข้าไม่ติด

สุระ จันทร์ศรีชวาลายังไม่ละความเพียร เฝ้าเทียวไล้เทียวขื่อไปที่บ้านเริงชัย มะระกานนท์แทบทุกเย็นค่ำแต่ก็ไม่เคยได้พบเพราะผู้มารับหน้าแทนก็คือนัฎฐา มะระกานนท์ศรีภรรยาของเริงชัย และเป็นพนักงานระดับสูงอยู่ในฝ่ายต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเจ้าตัวเคยเล่าให้ฟังว่า "ใหม่ ๆ ก็ไม่ค่อยชอบเขา เพราะไว้หนวดไว้เคราโพกหัวดูน่ากลัว พอเจอบ่อยเข้ารู้สึกว่าเขาเป็นคนสุภาพเรียบร้อยดี"

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเป็นคน "สุภาพเรียบร้อยดี" ของสุระจะไม่ไปถึงหูเริงชัย มะระกานนท์

ยุทธวิธีเช่นนี้ในแวดวงธุรกิจมีคนใช้กันมาก อย่างเช่นเจริญ ศิริวัฒนภักดีตอนที่ยังใช้นามสกุลสมบูรณานนท์และสมหมาย ฮุนตระกูลเสนาบดีคลังผู้ล่วงลับไปแล้วเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอนนั้นมีปัญหาเรื่องโรงเหล้าค่ายมหาราษฎรกับค่ายมหา คุณเจริญรู้ดีว่าหากขอเข้าพบสมหมาย ฮุนตระกูลไม่ว่าที่บ้านหรือที่ทำงาน ในช่วงดังกล่าวหมดสิทธิ์แน่

ทางออกของเจริญ ศิริวัฒนภักดีก็คือแทบทุกเช้าจะไปถึงบ้านของสมหมาย ฮุนตระกูลเปิดประตูบ้านเข้าไป เอากรรไกรตัดแต่งกิ่งไม้จัดแจงไปและเล็มพุ่มไม้รอบสนามหญ้าที่ค่อนข้างกว้างภายในบ้านของสมหมาย แน่นอน…ภาพเหล่านี้ย่อมอยู่ในสายตาของภรรยาของสมหมาย และบางครั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็เห็นเองยามที่นั่งรถยนต์ไปทำงาน

ยุทธวิธีเหล่านี้เป็นที่นิยมสำหรับนักธุรกิจที่ใช้กับข้าราชการระดับสูง ซึ่งมีอำนาจตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักและเป็นผู้ที่ "ซื้อ" ไม่ได้ ก็ต้องทำตัวให้น่ารักเข้าไว้ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง…ดีกว่าอยู่เฉย ๆ

มาเข้าเรื่องความเป็นคนดวงแข็งของสุระ จันทร์ศรีชวาลากันอีกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องที่แปลกมาก เนื่องจากคนดวงแข็งในความหมายที่เข้าใจกันทั่วไปมักจะเป็นผู้ที่ใครคิดร้ายด้วยจะมีอันเป็นไปในทางไม่ดี แต่สำหรับสุระแล้วกระเจิงเปิงเปิดกันหมดไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือมิตรอย่างนี้เรียกว่าเป็นคนดวงแข็งไม่ได้เสียแล้ว น่าจะเรียกว่าดวงอันตรายจะถูกต้องกว่า

เอาค่ายศัตรูก่อนอย่างจิม สเลเตอร์นักขุดทองชาวอังกฤษเมื่อรู้จักกับสุระได้ไม่นานก็ต้องถูกเทคโอเวอร์บริษัทเงินทุนโฮ้วป่าจนต้องเผ่นกลับไปอังกฤษ สมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์อาของภิวัฒน์คนที่สุระพูดเสมอมีบุญคุณกับเขามาก ก็ต้องกระเด้งออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการแหลมทอง พร้อม ๆ กับคนในตระกูลนันทาภิวัฒน์ เมื่อสุระ จันทร์ศรีชวาลาเข้าเทกโอเวอร์แบงก์แหลมทองหลังจากเปิดศึกแย่งชิงการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กันยืดเยื้อหลายปี

เอาทางด้านมิตรก็เช่นกัน คนอย่างตามใจ ขำภโตคนที่สอบได้ที่หนึ่งของประเทศไทย และจบปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยโตเกียวประเทศญี่ปุ่นในช่วงที่เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยก็ช่วยเหลือเป็นฐานการเงินให้กับสุระ อย่างไม่สู้จะมีเหตุผลเท่าไหร่ และผลจากการช่วยสุระ ทำให้ตามใจ ขำภโตกล้าปล่อยกู้อย่างผิดกฎหมายให้กับกิจการในเครือของสุระจนถูกศาลพิพากษาให้จำคุกกว่า 50 ปี หากไม่มีปาฎิหาริย์ใด ๆ ก็คงไม่ได้สูดกลิ่นไอของอิสรภาพขณะที่ยังหายใจอยู่

สุธี นพคุณที่สุระให้ความนับถือและเป็นเพื่อนในเชิงธุรกิจก็ต้องเป็นมังกรผู้ต้องซ่อนกายหลบหนีอาญาแผ่นดิน พร้อมกับการพังพินาศของธุรกิจในเครือตึกดำ หรือสุพจน์ เดชสกุลธรเพื่อนรักอีกคนหนึ่งที่ต้องจบชีวิตด้วยโรคมะเร็งในคุกอย่างน่าอนาจใจ

ทุกวันนี้ สุระจันทร์ศรีชวาลาคงนอนหลับฝันดีเมื่อฝันถึงกิจการในเครือ หรือศัตรูของเขาแต่ไม่รู้วาจะหลับตาลงหรือเปล่าเมื่อฝันถึงมิตรสหายที่ร่วมรบกันมา ?



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.