|
"แพทโก้ฯ"เผยปี49รุกหนักตลาดกลาง ดึงระบบพรีแฟบเสริมพัฒนาโครงการ
ผู้จัดการรายวัน(14 มีนาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
แพทโก้ฯ เดินหน้านำระบบพรีแฟบเป็นจุดขายบ้านตลาดกลาง-ล่าง หวังสร้างแบรนด์ติดตลาดในอนาคต เน้นแผนลงทุน 3 จังหวัดโซนตะวันออก รองรับการเติบโตสนามบินสุวรรณภูมิ เร่งพัฒนาบุคลากร หวังปูทางเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 5 ปี ระบุไตรมาส 2-3 เปิดรวด 3 โครงการ รวมมูลค่า 1,300 ล้านบาท
นายสืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แพทโก้ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี2549 ว่า บริษัทมีแผนที่จะนำระบบพรีแฟบเข้าใช้ก่อสร้างบ้านระดับกลางและล่างด้วย เพื่อบริหารต้นทุนในการก่อสร้าง ซึ่งถึงแม้ว่าระบบดังกล่าวจะมีจุดอ่อนในเรื่องการเชื่อมต่อ แต่บริษัทก็จะมีวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยการพยายามศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มเติมอยู่เสมอ ทั้งจากประเทศสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์ ดังนั้นเมื่อนำมาแก้ไขก็จะไม่เกิดปัญหารอยร้าวหรือมีรอยรั่ว เพื่อให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังได้มีการดีไซน์ทาวน์เฮาส์ให้น่าอยู่เหมือนบ้านเดี่ยวอีกด้วย
"การที่เรานำระบบพรีแฟบมาใช้ เพราะเราต้องการพัฒนาโครงการประเภทอสังหาริมทรัพย์อยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากไม่มีการศึกษาระบบพรีแฟบไว้บ้าง ในอนาคตก็คงจะตามคนอื่นเขาไม่ทัน และขณะนี้แรงงานค่อนข้างขาดแคลน และสถาปนิกควบคุมงานก็น้อย เกรงว่างานออกมาจะไม่มีประสิทธิภาพ แต่ถ้านำระบบพรีแฟบมาใช้ แม้ในช่วงแรกต้องใช้เงินลงทุนที่สูง แต่ในระยะยาวก็ส่งผลดีต่อบริษัท "นายสืบวงษ์ กล่าว
โดยในปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ คือ โครงการวิคตอเรีย ไพรเวทซิตี้ พัฒนาในนามบริษัท เจริญมารีน จำกัด ใช้พื้นที่ 11 ไร่เศษ รวมมูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท , โครงการ เดอะ รอยัล สามมุข พัฒนาในนาม บริษัท ไลม่าแลนด์ ลอร์ด จำกัด บริเวณถนนบางแสน-อ่างศิลา(เชิงเขาสามมุข) บนพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ รวมมูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท และโครงการมารวย พัฒนาในนามบริษัท ชลบุรี สามมุขธานี จำกัด บริเวณถนนบางปะกง-ฉะเชิงเทรา รวมมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท
นายสืบวงษ์ กล่าวว่าตามแผนของบริษัทในระยะ 5 ปีข้างหน้า จะดำเนินนโยบายเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ต้องมีการวางรากฐานขององค์กรให้เข้มแข็ง ทั้งในเรื่องการเงิน บุคลากร หรือการก่อสร้างโครงการให้มากขึ้น รวมถึงการเร่งสร้างแบรนด์ของบริษัทให้ติดตลาดมากที่สุด ส่วนของแผนการร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติในขณะนี้ บริษัทไม่มีนโยบายแต่อย่างใด แต่ถ้าหากมีการพัฒนาโครงการในรูปแบบของคอนโดมิเนียมระดับสูงขึ้นมา ก็อาจจะพิจารณาหาผู้ร่วมทุน เพราะบริษัทจากต่างประเทศมีความได้เปรียบในเรื่องของเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างและขาย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|