ฝ่ายวิจัยตลท.ชี้เบียร์ช้างซบสิงคโปร์ทำเม็ดเงินนอกหดหาย3หมื่นล้านบ.


ผู้จัดการรายวัน(13 มีนาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ฝ่ายวิจัยตลาดหลักทรัพย์ เผย ผลการศึกษาบริษัทจดทะเบียนไปไประดมทุนตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ชี้ ขณะนี้บริษัทไทยไปจดทะเบียนต่างประเทศกว่า 90 บริษัท ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป แบบออกใบแทนหลักทรัพย์ แจง“เบียร์ช้าง”ไประดมทุนสิงคโปร์ ส่งผลมาร์เกตแคปหายอย่างน้อย 2 แสนล้านบาท -สภาพคล่องจะหายกว่า 2.6 แสนล้านบาท โบรกเกอร์เสียรายได้กว่า 650 ล้านบาท

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึง ผลการศึกษา (SET Note) เกี่ยวกับการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ว่า แม้จะเป็นผลดีในแง่ของการเพิ่มชื่อเสียงของบริษัท และลดต้นทุนการระดมทุน แต่ตลาดทุนของบริษัทนั้นๆ จะได้รับผลกระทบในเชิงลบ คือ การเสียโอกาสในการเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด สูญเสียรายได้ค่านายหน้า รวมทั้ง เงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศที่จะส่งผลต่อสภาพคล่องและความน่าสนใจของตลาดทุน

ขณะเดียวกัน จะมีผลต่อเนื่องให้ตลาดทุนขาดความน่าสนใจลง มีผลให้มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง และส่งผลต่อสภาพคล่องของตลาดทุนโดยรวมเป็นรอบที่สอง

สำหรับการไประดมทุนในตลาดทุนต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่มี 3 รูปแบบ คือ การไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศ (Foreign Listing) การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 2 ประเทศ (Dual Listing) และการออกใบแทนหลักทรัพย์ หรือ DR (Depositary Receipt) ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนไทยมีการนำหลักทรัพย์ไปซื้อขายในตลาดทุนต่างประเทศมากกว่า 90 บริษัทในตลาดทุนหลักของโลกทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

ส่วนใหญ่บริษัทจดทะเบียนไทยนิยมการไประดมทุนผ่าน DR โดยในประเทศเยอรมัน มีบริษัทไทยไม่ต่ำกว่า 80 บริษัทที่ออก DR มีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 15% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดในกระดานต่างประเทศของตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า การศึกษาครั้งนี้ ได้มีการประเมินผลกระทบที่เป็นมูลค่าเชิงปริมาณ กรณี บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยผลกระทบทางตรง คือจะทำให้เสียมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขั้นต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท โดยอ้างอิงจากมูลค่า IPO (การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก) สภาพคล่องจะหายไปกว่า 260,000 ล้านบาท และทำให้ธุรกิจหลักทรัพย์โดยรวมสูญเสียรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์ของไทยเบฟฯ อีกกว่า 650 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทำให้ตลาดทุนไทยเสียโอกาสในการเพิ่มน้ำหนักในดัชนีระหว่างประเทศ เช่น MSCI เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีการระดมทุนที่มีขนาดใหญ่และมีผลต่อการคำนวณดัชนี MSCI Far East ex-Japan ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยสูญเสียเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศที่ควรนำมาลงทุนในประเทศประมาณ 30,000 ล้านบาท

ส่วนผลกระทบทางอ้อม คือการทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหลักทรัพย์อื่น ๆ ในตลาดทุนไทยลดลงกว่า 9 ล้านบาท และการที่สภาพคล่องของหลักทรัพย์อื่น ๆ ลดลง ก็จะส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายโดยรวมของตลาดทุนไทยลดลงอีกกว่า 22,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศไทยยังมีปริมาณการไประดมทุนในตลาดต่างประเทศไม่สูงนัก แต่เนื่องจากกระแสการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนโลกซึ่งมีความเชื่อมโยงกันในรูปแบบต่างๆ ที่ส่งผลให้บริษัทในไทยหันไป สนใจการไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่างประเทศมากขึ้น จึงมีผลให้ตลาดทุนไทยเสียโอกาสจากการมีสภาพคล่องจากการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศได้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.