|
"วิวรรณ"ดันกสิกรไทยโต 10% ยึดเบอร์1ธุรกิจกองทุนรวมต่อ
ผู้จัดการรายวัน(10 มีนาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"วิวรรณ" ประเดิมเก้าอี้เอ็มดีบลจ.กสิกรไทย ตั้งเป้าดันเอ็นเอวีทั้งปีโต 10% เท่าอุตสาหกรรม ยึดตำแหน่งเบอร์หนึ่งธุรกิจกองทุนรวม เล็งคลอดกองทุนใหม่กว่า 10 กองทุน ทั้งตราสารหนี้-หุ้น-FIF-พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์-อนุพันธ์ มั่นใจกองทุนรวมยังโตต่อได้ แม้แบงก์พาณิชย์จะปรับดอกเบี้ยเงินฝาก
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าการเติบโตในธุรกิจจัดการกองทุนในปีนี้ไว้ที่ 10% จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.13 แสนล้านบาทในปี 2548 ที่ผ่านมา ซึ่งอัตราการขยายตัวดังกล่าวเท่ากับอัตราการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมกองทุนรวมทั้งระบบที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 10% เช่นกัน โดยแผนการออกกองทุนในปีนี้ จะเน้นกองทุนที่มีความหลากหลายและกองทุนที่มีลักษณะพิเศษมากขึ้น ขณะที่กองทุนตราสารหนี้ก็ยังให้ความสำคัญ เนื่องจากยังมีความต้องการจากลูกค้าค่อนข้างมากจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น
ทั้งนี้ เฉพาะกองทุนรวมตั้งเป้าการเติบโตประมาณ 15% จากกองทุนทั้งหมดที่จะออกในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีมากกว่า 10 กองทุน โดยจะเปิดขายกองทุนใหม่ทุกเดือน รวมถึงการนำกองทุนเก่าที่มีอยู่แล้วกลับมาทำการตลาดอีกครั้งด้วย ทั้งนี้ จะมีทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ที่คาดว่าจะมีประมาณ 1-2 กอง และกองทุนที่อ้างอิงตลาดอนุพันธ์ด้วย
ส่วนธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล ในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตอีกประมาณ 6% จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในปี 48 ที่ 143.43 ล้านบาท ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตั้งเป้าเติบโต 7% จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 34.897 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดขายกองทุนไปแล้วจำนวน 3 กองทุน โดยสามารถระดมทุนได้ประมาณ 13,650.09 ล้านบาท จากกองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 3/50 เอ กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 3/50 บี และกองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ (ABFTH)
นอกจากนี้ ยังมีกองทุนเปิดกสิกรคืนกำไร 4/50 ที่กำลังอยู่ระหว่างการเสนอขายช่วงไอพีโอด้วย ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 3 เมษายนนี้ บริษัทจะเปิดขายกองทุนใหม่อีก 2 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 10/49 มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุประมาณ 6 เดือนและกองทุนเปิดกสิกรคืนกำไร 5/50 มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเช่นกัน แต่จะมีอายุยาวขึ้นเป็น 1 ปี ซึ่งขณะนี้ ทั้ง 2 กองทุนกำลังอยู่ระหว่างการยื่นเสนอจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น นางวิวรรณ กล่าวว่า ปัจจัยลบในขณะนี้ยังคงเป็นความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งในช่วงระยะสั้นอาจจะมีความผันผวนบ้าง แต่ในระยะกลางถึงระยะยาว เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดที่น่าเข้ามาลงทุน และยังเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยอยู่ โดยในส่วนผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนก็ยังขยายตัวถึงแม้อาจจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมาก็ตาม
ส่วนเศรษฐกิจก็เชื่อว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 4-4.5% ในขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย หลังจากนี้ก็คงจะไม่ปรับขึ้นรุนแรงมากนักนางวิวรรณ กล่าวว่า สำหรับการขยายตัวของธุรกิจกองทุนรวมในปีนี้ เชื่อว่าจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะมาจากกองทุนตราสารหนี้เป็นหลักเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งการที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเนื่องจากต้องการเงินฝากเพิ่มขึ้นนั้น มองว่าจะไม่กระทบต่อฐานลูกค้าของบริษัท เนื่องจากลงทุนในกองทุนรวมมีลักษณะเฉพาะตัวอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของภาษีที่ได้รับการลดหย่อน
"ปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจกองทุนรวมชัดเจนมากขึ้น บลจ.ไหนที่มีแบงก์ช่วยหนุนก็เข้ามาส่งเสริมอย่างเต็มที่ ซึ่งเราเองก็พร้อมที่จะแข่งขันจากการมีธนาคารกสิกรไทยเป็นจุดขายหน่วยลงทุน พร้อมทั้งพยายามรักษาฐานลูกค้าเก่าและหาลูกค้าใหม่เข้ามาด้วย โดยในสิ้นปีนี้เราตั้งเป้าที่จะรักษาอันดับ 1 มาร์เก็ตแชร์กองทุนรวมเอาไว้"นางวิวรรณกล่าว
ส่วนการเข้ามาทำงานในบลจ.กสิกรไทย จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือไม่นั้น นางวิวรรณ มองว่า จากประสบการณ์การทำงานที่บลจ.วรรณ จะนำเข้ามาส่งเสริมการทำงานซึ่งกันและกันมากกว่า ซึ่งความต้องการคือ อยากให้ลูกค้ามีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายไม่ใช่เฉพาะการฝากเงินอย่างเดียว ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่อาจจะต้องเสริม รวมไปถึงการบริการลูกค้าที่จะขยายช่องทางการเข้าถึงให้มากขึ้น นอกเหนือจากช่องทางหลักผ่านธนาคารกสิกรไทยอย่างเดียว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|