|
บึ้มหน้าบ้านป๋าถล่มหุ้น
ผู้จัดการรายวัน(10 มีนาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
นักลงทุนตื่นเหตุบึ้มหน้าป้านป๋าเปรม ฉุดภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นักวิเคราะห์เตือนปัจจัยทางการเมืองยังจ้องถล่มตลาดหุ้น ขณะที่ผู้บริหารบลจ.กสิกรไทย หวั่นการชุมนุมประท้วงขับไล่นายกฯทรราช 14 มี.ค.ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเกิดเหตุรุนแรง ฉุดดัชนีหลุด 700 จุด ขณะที่วานนี้ (9 มี.ค.) นักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายสุทธิกว่า 687 ล้านบาท
ภาวะการซื้อขายหุ้นวานนี้ (9 มี.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในแดนบวก โดยดัชนีได้ปรับตัวขึ้นมาสูงสุดในช่วงเช้าอยู่ที่ระดับ 732.60 จุดต่อมาในช่วงบ่ายได้มีแรงเทขายทำกำไรออกมาหลังจากที่ได้เกิดระเบิดที่บริเวณป้อมยามบ้านสี่เสาเทเวศน์ จนทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงและมาที่ระดับต่ำสุดที่ระดับ 721.12 จุดต่อมาได้มีแรงซื้อเข้ามาทำให้ดัชนีกระเตื้องขึ้นและมาปิดที่ระดับ 728.99 จุด เพิ่มขึ้น 5.13 จุดหรือ 0.71% มูลค่าการซื้อขาย 13,043.19 ล้านบาท
การซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มปรากฏว่านักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 687.74 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 280.57 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 968.31 ล้านบาท
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัททีเอสอีซี จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดวานนี้ (9 มี.ค.) มีการปรับตัวเพิ่มเนื่องจากเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมาดัชนีมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีนั้นไม่เป็นปกติตามเศรษฐกิจ และกลไกของตลาด ซึ่งนักลงทุนยังคงกล้าๆ กลัวๆ ในการเข้ามาลงทุน ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อดัชนีฯคือ ปัจจัยทางการเมือง และพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ
ส่วนการระเบิดบริเวณป้อมยามบ้านสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีนั้น ตลาดไม่ได้ตกใจมากนัก เพราะ ที่ผ่านมาตลาดได้รับรู้ข่าวร้ายต่างๆจำนวนมากแล้ว
สำหรับแนวโน้มดัชนีฯวันนี้ นั้น ซึ่งตามเทคนิคแล้วดัชนีฯ มีโอกาสที่จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 737 จุด ซึ่งที่ผ่านมาวันศุกร์ดัชนีฯจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมองแนวรับที่ระดับ 723 จุด แนวต้านที่ระดับ 735-737 จุด
นายสุกิจ อุดมสิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นฟื้นตัวตามตลาดภูมิภาค โดยเฉพาะจากการที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงิน ส่งผลหุ้นขึ้นกว่า 400 จุด และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอยู่ที่ประมาณ 39.11 บาท ทำให้ตลาดหุ้นมีจุดสมดุลมากขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายตลาดปรับตัวลดลงเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเช้า เนื่องจากการเกิดระเบิดที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ถนนศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบ้านพักของ พล. อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทำให้นักลงทุนตกใจ และมีการขายออกมาแต่ไม่มากนัก ซึ่งมองว่าเรื่องของการเมืองยังไม่ได้กระทบต่อภาวะตลาดในช่วงที่ผ่านมา 2-3 วันนี้ เป็นเรื่องของการปรับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมากกว่า
โดยมองว่า การเมืองมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาด คือ ทำให้มูลค่าการซื้อขายที่น้อยลง นอกจากนี้ การที่ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นการปรับเพิ่มจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น ทำให้นักลงทุนกลับมาลงทุน รวมถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศต่างๆ ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ อย่าง แบงก์ เป็นหลัก
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (10 มี.ค.) ตลาดมีการปรับสมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะจากการที่ประเทศญี่ปุ่นเตรียมจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนเม.ย. นี้ ซึ่งปัจจัยหลักที่จะกระทบตลาดน้ำหนักจะกลับมาอยู่ที่ปัจัยภายในประเทศเป็นหลัก โดยประเมินแนวรับที่ 720 จุด แนวต้านที่ 733 จุด
**หวั่นชุมนุม14มี.ค.เกิดเหตุรุนแรง ฉุดดัชนีตลาดหุ้นดิ่งเหวหลุด700
นายอโศก วงศ์ชอุ่ม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บลจ.กสิกรไทย กล่าวถึงภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า การชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 14 มีนาคมนี้ หากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น มีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย จะปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 700 จุด ซึ่งในช่วงที่สถานการณ์การเมืองมีความไม่แน่นอนเช่นนี้ บริษัทได้ปรับลดพอร์ตการลงทุน โดยหันมาถือเงินสดมากขึ้นหรือโยกไปลงทุนในหุ้นที่พื้นฐานยังดีอยู่ ซึ่งถือเป็นการปรับลดพอร์ตการลงทุนตามปกติของบริษัทฯ ในช่วงที่เหตุการณ์ไม่แน่นอนโดยในการถือครองเงินสดนั้นจะไม่ให้เกินระดับ 5-10% ของพอร์ต
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบของบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ เนื่องจากประเมินว่าหากโครงการเหล่านี้ชะลอออกไปจากสถานการณ์ปัจจุบัน อาจทำให้บริษัทจดทะเบียนดังกล่าวได้รับผลกระทบ ซึ่งต้องยอมรับว่าจะทำให้ความน่าสนใจของบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้ลดลงตามไปด้วย
สำหรับการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในช่วงนี้คาดว่าส่วนหนึ่งจะเป็นการขายทำกำไรตามปกติ และบางส่วนอาจจะขายเพราะไม่มั่นใจสถานการณ์การเมืองในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างทบทวนเป้าหมายดัชนีปี 2549 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่า จะอยู่ที่ 820 จุด ภายใต้ P/E 10 เท่า ซึ่งถ้าหากปัญหาการเมืองยืดเยื้อและส่งผลกระทบกับกำไรของบริษัทจดทะเบียน และส่งผลให้โครงการการลงทุนต่างๆ ต้องชะลอออกไป ก็อาจจะปรับลดเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ลง
**บลจ.บีทีชี้การเมืองป่วนตลาดหุ้น แนะลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ปัจจัยด้านการลงทุนต่างๆ ยังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสข่าวด้านการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้ภาวะการลงทุนในช่วงนี้มีความผันผวน ยากแก่การคาดการณ์ ซึ่งในส่วนของนักลงทุนสถาบันเช่น กองทุนรวม ได้มีการติดตามสถานการณ์และปัจจัยด้านการลงทุนต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ยังไม่มั่นใจในสถานการณ์การลงทุน บลจ.บีทีแนะนำว่าควรพักงานลงทุนในระยะสั้นๆ เพื่อรอดูปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนที่ชัดเจน
สำหรับแผนการออกกองทุนในเดือนมีนาคม บลจ.บีที ยังคงเน้นออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุโครงการและนโยบายการลงทุนหลากหลาย ทั้งกองทุนคุ้มครองเงินต้น และตราสารหนี้ระยะสั้น โดยกองทุนที่เสนอขายได้แก่ กองทุนเปิดไทยฟิกซ์เทอมคุ้มครองเงินต้น 4 เสนอขายระหว่างวันที่ 2-10 มีนาคม และกองทุนเปิดไทยฟิกซ์เทอมคุ้มครองเงินต้น 5 เสนอขายประมาณปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยเป็นกองทุนคุ้มครองเงินต้นที่ลงทุนระยะสั้นๆ เพียง 3 เดือน เป็นช่องทางการลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการยกเว้นภาษี แลได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
ในส่วนกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่เปิดซื้อขายได้ทุก 6 เดือน และจะเปิดซื้อขายอีกครั้งในวันที่ 15-31 มี.ค.คือ กองทุนเปิดไทยทวิตราสารหนี้ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนคุณภาพ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|