|

9หุ้นสุดแสบผลัดกันวิ่งตลท.รับห้ามเน็ทฯ-มาร์จิ้นปั่นเกินครึ่ง
ผู้จัดการรายวัน(8 มีนาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"กิตติรัตน์" ระบุหุ้นที่ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ ห้ามเน็ตแซทเทิลเม้นท์กับมาร์จิ้น กว่า 50-70% มีพฤติกรรมการปั่นราคาหุ้น พร้อมระบุลักษณะการซื้อขายของขาใหญ่เปลี่ยนจากอดีตที่ผ่านมา แต่มั่นใจระบบตรวจสอบของตลาดที่จะเชื่อมโยงถึงนักลงทุนที่แท้จริงได้ ด้าน 9 หุ้นเก็งกำไร "APURE-ASL-BNT-EMC-EWC-IEC-MME-PICNI-THECO" สุดคึกพลัดกันวิ่งตลอดเดือนก.พ. โบรกเกอร์เชื่อขาใหญ่เตรียมลงมาลุยอีกครั้งก่อนการเลือกตั้ง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้มาตรการการห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ในบริษัทหลักทรัพย์บางบริษัท เนื่องจากพบว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นมีลักษณะของการกระจุกตัว และมีการซื้อขายแบบเก็งกำไรกันอย่างมาก จนทำให้ราคามีความผิดปกติจากสภาพตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งยอมรับว่าการนำมาตรการดังกล่าวมาใช้นั้นอาจจะกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนบ้าง แต่เป็นการเตือนให้นักลงทุนใช้สติในการลงทุนอย่างรอบคอบ
"หุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ตัดสินใจในการรห้ามเน็ตเซทเทิลเม้นท์และมาร์จิ้นนั้น พบว่ากว่า 50-70% นั้นมีพฤติกรรมการปั่นราคาหุ้น แต่การใช้มาตรการดังกล่าวถ้านักลงทุนรายใหญ่มีเม็ดเงินจำนวนมาก ก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งได้ และการซื้อขายของนักลงทุนรายใหญ่ขณะนี้มีลักษณะเป็นทีมเวิร์ค ซึ่งจะมีการแบ่งทั้งทีมรุก และทีมรับกันเลย ซึ่งในจุดนี้เป็นเรื่องที่น่าห่วงสำหรับนักลงทุนรายย่อย แต่ที่ผ่านมานักลงทุนรายย่อยได้มีการส่งหนังสือมายังผม ว่าไม่ต้องห่วงนักลงทุนรายย่อยหรอก แต่ให้ห่วงตัวเองดีกว่า"นายกิตติรัตน์กล่าว
สำหรับลักษณะการปั่นราคาหุ้นจะมีลักษณะที่กำกึ่งกับการปั่นหุ้น โดยนักลงทุนจะมีหุ้นจำนวนหนึ่ง และอาจจะมีการทำราคาปิดให้สูงขึ้นในช่วงปลายตลาด 3 ครั้งในวันเดียวกัน ซึ่งถ้ามีการทำในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่องอาจจะเข้าข่ายของการปั่นหุ้นได้เช่นกัน
ทั้งนี้ พบว่ามีการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดและติดอันกับ 1 ใน 10 เช่นกัน และพบว่าลักษณะการซื้อขายของนักลงทุนรายใหญ่ในปัจจุบันนี้จะแตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งในอดีตจะมีการเปิดเผยชื่อว่ามีนักลงทุนรายใดเข้ามาซื้อขายหุ้น แต่ปัจจุบันนี้จะมีลักษณะซื้อขายเเป็นกลุ่มคน ซึ่งทำให้การตรวจสอบได้ยากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีระบบการตรวจสอบ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยังถึงผู้ซื้อที่แท้จริงได้ โดยจะมีการสอบถามข้อมูลต่อโบรกเกอร์ โดยไม่จำเป็นที่ตลาดหลักทรัพย์จะเข้าไปสอบถามข้อมูลจากผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด
**ลือพายัพ-เสี่ยสองเทรดสนั่น
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาพบนักลงทุนรายใหญ่ยังเข้ามาเก็งกำไรกันอย่างมาก ซึ่งพบว่าหุ้นเก็งกำไรในหลายตัวที่ราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างหวือหวา โดยได้มีกระแสข่าวลือว่าหุ้นบริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน)หรือ IEC,หุ้นบริษัท บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BNT และบริษัท ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ MME มีกลุ่มนายพายัพ ชินวัตรนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาเก็งกำไร จนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างหวือหวา ขณะเดียวกันยังมีกระแสข่าวลือว่าในหุ้นไออีซีนั้นจะมีกลุ่มนักลงทุนหลายกลุ่มเข้ามาเก็งกำไร ทั้งกลุ่มเสี่ยสอง วัชรศรีโรจน์ และกลุ่มที่เข้าเก็งกำไรในหุ้นปิคนิคเป็นต้น
**หุ้นปั่นร่วงเกือบยกแผง
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการมูลค่าการซื้อขายและราคาผันผวนค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่มที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบการซื้อขายว่ามีการสร้างราคาหรือไม่ โดยหลายบริษัทตลาดหลักทรัพย์ได้มีการใช้มาตรการการห้ามเน็ตเซทเทิลเม้นท์และมาร์จิ้น
ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มดังกล่าวประกอบด้วย บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE, บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL, บริษัท บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BNT, บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC , บริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ EWC, บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC, บริษัท ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MME, บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI, บริษัทไทยฮีทเอ็กซ์เช้นจ์ จำกัด (มหาชน) หรือ THECO
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นล่าสุด( 7 มี.ค.) หุ้น THECO ปิดที่ 2.12 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือ 5.36% มูลค่าการซื้อขาย 128.55 ล้านบาท ,หุ้น MME ปิดที่ 19.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 4.74% มูลค่าการซื้อขาย 38.32 ล้านบาท ,หุ้น APURE ปิดที่ 7.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท หรือ 6.00% มูลค่าการซื้อขาย 177.92 ล้านบาท , หุ้น BNT ปิดที่ 0.55 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 81.75 ล้านบาท
หุ้น EWC ปิดที่ 12.80 บาท ลดลง 0.90 บาท หรือ 6.57% มูลค่าการซื้อขาย 40.85 ล้านบาท , หุ้น ASL ปิดที่ 9.55 บาท ลดลง 0.45 บาท หรือ 4.50% มูลค่าการซื้อขาย 22.97 ล้านบาท , หุ้น EMC ปิดที่ 1.87 บาท ลดลง 0.08 บาท หรือ 4.10% มูลค่าการซื้อขาย 8.69 ล้านบาท , หุ้น IEC ปิดที่ 3.70 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 7.50% มูลค่าการซื้อขาย 282.49 ล้านบาท และหุ้น PICNI ปิดที่ 0.52 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 8.77% มูลค่าการซื้อขาย 90.95 ล้านบาท
**เดือนก.พ.หุ้นเก็งกำไรสุดคึก
สำหรับความเคลื่อนของราคาหุ้นในช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมาหุ้น THECO ราคาปิดที่ 2.12 บาท เพิ่มขึ้น 1.02 บาท หรือ 92.73 โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 1.54 บาท หรือ 142.59% ,หุ้น MME ราคาปิดที่ 14.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.60 บาท หรือ 66.67% โดยเมื่อพิจารณาราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 9 บาท หรือ 120% ,หุ้น APURE ราคาปิดที่ 8.15 บาท เพิ่มขึ้น 1.60 บาท หรือ 24.43% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 2.45 บาท หรือ 39.51%
ขณะที่หุ้นที่ปรับตัวลดลงสูงสุดหุ้น BNT ราคาปิดที่ 0.64 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 18.99% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 0.36 บาท หรือ 60%, หุ้น EWC ราคาปิดที่ 14.50 บาท ลดลง 2.70 บาท หรือ 15.70% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 3.50 บาท หรือ 24.64%, หุ้น ASL ราคาปิดที่ 10.40 บาท ลดลง 1.30 บาท หรือ 11.11% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 2.50 บาท หรือ 24.75%, หุ้น EMC ราคาปิดที่ 2.00 บาท ลดลง 0.14 บาท หรือ 6.54% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 0.21 บาท หรือ 10.64%, หุ้น IEC ราคาปิดที่ 4.80 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 4.00% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 1.46 บาท หรือ 32.88% และหุ้น PICNI ราคาปิดที่ 0.68 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ 1.45% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 0.27 บาท หรือ 45%
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|