โฟล์กสวาเกน พัสสาท ราคา "ล้านสี่"!!!
ทันทีที่ได้ยิน ในความรู้สึกแรกของคนที่พอจะมีความรู้เรื่องราคารถยนต์ในระดับนี้อยู่บ้าง
ก็คงรู้สึกแปลกใจไม่ต่างกันออกไป
รู้สึกแปลกใจว่าทำไมราคาถึงโด่งขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่พัสสาท โมเดลเดิมราคาอยู่ที่เก้าแสนบาทเท่านั้น
คงไม่มีใครจะคาดคิดว่า พัสสาท นิวโมเดล จะปรับราคาเพิ่มขึ้นได้มากมายขนาดนี้
ราคาได้เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 50%
เป็นไปได้ว่า เพราะผลจากค่าเงินบาทที่ลดลงอย่างมาก แต่ผู้บริหารยืนยันว่าไม่ใช่ประเด็นนี้
อรวรรณ เกลียวปฏินันท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทยนตรกิจ อินเตอร์เซลส์
จำกัด ยืนยันว่า การประกาศราคาจำหน่ายพัสสาท โมเดลใหม่ ด้วยราคา 1,394,000
บาทนั้น เป็นผลมาจากนโยบายของโฟล์กสวาเกน เอจี ในด้านการวางตำแหน่งและการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ไม่ใช่ผลมาจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือค่าเงินบาทที่ลดลง
"เราได้รับแรงสนับสนุนจากโฟล์กสวาเกน เอจี ในการร่วมวางแนวนโยบายการทำตลาดให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
เนื่องจากทางโฟล์ก ตั้งใจที่จะวางพัสสาทใหม่ ให้ก้าวไปสู่ในระดับตลาดที่สูงขึ้น
ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกันทั่วโลก โดยทางโฟล์กได้พัฒนาพัสสาทใหม่ในเกือบทุกจุดนับตั้งแต่การวิจัยและการออกแบบ
จนถึงการผลิต นอกจากนี้ในส่วนการตลาด ยังไดส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ ให้คำปรึกษากับทีมงานของยนตรกิจ
ซึ่งได้ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น และมั่นใจว่าพัสสาทใหม่จะสามารถสร้างตลาดได้
แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันจะชะลอตัว กำลังซื้อไม่มาก ขณะที่การแข่งขันรุนแรง
ทั้งนี้เพราะพัสสาทใหม่ ได้เป็นทางเลือกที่สมเหตุผลที่สุด"
การวางตำแหน่ง "นิว พัสสาท" ให้เทียบชั้นกับรถยนต์หรูหราขนาดกลางอย่างเมอเซเดส-เบนซ์
ซี 180 หรือบีเอ็ม ดับบลิว 318i นั้นเป็นนโยบายของโฟล์กสวาเกน เอจี ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงภาพพจน์ของรถยนต์โฟล์กทั่วโลก
ซึ่งคงต้องรอดูว่าความพยายามนี้จะสำเร็จลุล่วงไปได้มากน้อยแค่ไหน
สำหรับในไทย แม้แนวโน้มตลาดรถยนต์หรูหราระดับกลางน่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น
แต่จากความแข็งแกร่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับบลิว หรือแม้แต่วอลโว่
ตลาดที่ว่าน่าจะดีขึ้นก็คงต้องเทให้ทั้ง 3 ยี่ห้อหลักนี้ก่อน ส่วนที่เหลือเพียงเศษเสี้ยว
ก็ยังมีอีกหลายยี่ห้อที่จะมาแบ่งกันไป แม้กระทั่ง ออดี้ รถยนต์ในตระกูลเดียวกับโฟล์ก
ตรงนี้ยิ่งเป็นความยากลำบากในการทำตลาดของกลุ่มยนตรกิจมากขึ้นไปอีก เพราะกลายเป็นว่ารถยนต์ที่จะต้องแข่งขันกันเองมีมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ผู้บริหารของยนตรกิจยังมั่นใจว่า โดยลำพังการสร้างตลาดโฟล์กสวาเกน
พัสสาทใหม่นั้น คงไม่ใช่เรื่องเกินจริง เพราะด้วยรูปลักษณ์ สมรรถนะต่าง ๆ
ที่เพิ่มขึ้นมา ได้ทำให้พัสสาทใหม่ ดูโดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีอยู่
ในเอกสารประกอบการแถลงข่าวเมื่อ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนถึงความได้เปรียบเสียเปรียบในเกือบทุกด้านทั้งสมรรถนะ
ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และราคา ระหว่างพัสสาทใหม่ บีเอ็มดับบลิว 318i
และเมอเซเดส-เบนซ์ ซี180
แน่นอนว่าผลสรุปโดยรวมพัสสาทย่อมเหนือกว่าคู่แข่งทั้งสองรุ่นนั้น แต่ในเรื่องของภาพพจน์
ชื่อเสียงและความเชื่อถือ ยังเป็นเรื่องที่นอกเหนือหลักการและเหตุผล อย่าว่าแต่เฉพาะตลาดในไทย
ในหลายประเทศทั่วโลก ความศรัทธายังคงเป็นประเด็นหลักสำหรับผู้ซื้อ
"โฟล์กสวาเกน ไม่คิดว่าฟอร์ด มอนเดโอ, โอเปิล เวคตร้า และนิสสัน พีมิร่า
เป็นคู่แข่งของพัสสาท อีกต่อไปแล้ว เป้าหมายของพัสสาทก็คือ ยี่ห้ออันดับยอดเยี่ยมของเยอรมนี
ได้แก่ บีเอ็มดับบลิว ซีรี่ส์ 3 และเมอเซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส ซึ่งนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ดั่งที่ออดี้ ได้แสดงให้เห็นมาแล้ว ออดี้ต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ กว่าจะตั้งตัวเป็นคู่แข่งที่แท้จริงของรถยนต์ระดับหรูหราได้"
ตอนหนึ่งของเอกสารประกอบการแถลงข่าวที่ชี้ให้เห็นว่า โฟล์กสวาเกนเอง ก็ไม่มั่นใจมากนัก
แต่ก็ยังคงเชื่อมั่นความพยายามและนโยบายสำคัญครั้งนี้
อรวรรณ ได้ชี้ให้เห็นถึงความพิเศษของพัสสาทใหม่ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานความปลอดภัย
ที่ให้ถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างรวม 4 ใบเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ความแข็งแรงปลอดภัยของตัวถังที่ผ่านการเชื่อมตัวถังแบบเลเซอร์ทำให้รอยต่อแม่นยำ
รวมทั้งการผลิตตัวถังแบบ FULLY GALVANIZED BODY ซึ่งจะสามารถป้องกันสนิมและการผุกร่อนในทุกสภาพอากาศได้นานถึง
11 ปี เหล่านี้เป็นความเหนือกว่าคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด
"จุดเด่นของพัสสาทคือความปลอดภัย และสมรรถนะที่เหนือกว่า ซึ่งเราก็จะพยายามเผยแพร่ให้ลูกค้าได้ทราบรายละเอียดและข้อดีของเราให้มากที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม ลูกค้าคงต้องพิจารณาเอง" อรวรรณ กล่าว
ในส่วนของตลาดรถยนต์เมืองไทย อรวรรณ ค่อนข้างภูมิใจกับยอดจำหน่ายพัสสาท
โมเดลที่ผ่านมา เนื่องจากโฟล์กสวาเกน พัสสาท 1,952 คัน ได้จำหน่ายและส่งมอบถึงมือลูกค้าในระยะเวลาเพียง
1 ปี ซึ่งทำให้โฟล์ก สวาเกน เอจี เริ่มเห็นความสำคัญกับตลาดเมืองไทย ไม่แพ้ญี่ปุ่นหรือไต้หวัน
สำหรับแผนงานอันดับต่อไปนั้น อรวรรณ กล่าวว่า ถ้าตลาดรถยนต์หรูหราระดับกลางได้รับความนิยมมากขึ้น
พัสสาทใหม่ ไปได้ดี โดยเราคาดว่ายอดจำหน่ายน่าจะอยู่ที่ 200-300 คันต่อเดือน
หลังจากนั้นจึงจะมาพิจารณานำเข้ารุ่น 1.8 ลิตร เทอร์โบ และรุ่น 2.3 ลิตร
ต่อไป
การเปิดตัวพัสสาท นิวโมเดล กับนโยบายครั้งสำคัญของโฟล์กสวาเกน เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า
ชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ด้านความแข็งแกร่งของตัวรถ จะสามารถแพร่บารมีเทียบเคียงกับภาพลักษณ์แห่งความงามสง่า
ภูมิฐาน ของเมอเซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับบลิว ได้มากน้อยแค่ไหน
แต่นั่นเป็นเรื่องของยุทธศาสตร์ระดับโลก
สำหรับตลาดเมืองไทยแล้ว ทีมงานของยนตรกิจ อินเตอร์เซลส์ คงต้องเหนื่อยกันหน่อย
ยิ่งเจอการปรับภาษีศุลกากรครั้งล่าสุดเข้าไปอีกแล้ว ราคาจะยืนได้นานแค่ไหน
ถ้าต้องปรับราคาเพิ่มขึ้น จุดขายก็คงเหลือน้อยเต็มที
งานนี้กรรมของยนตรกิจกลุ่มโฟล์กอีกแล้ว