ประมาณวันที่ 14-17 พฤษภาคม ปีหน้า จะมีการจัดงานแสดงผลิตภัณฑ์เครื่องใช้สำนักงานภายใต้ชื่องาน
Office Asia'98 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
งานนี้จัดขึ้นโดยอาศัยความร่วมมือระหว่างบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์
แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ ผู้บริหารศูนย์ประชุมฯ และบริษัทแฮนโนเวอร์ แฟร์ส เอเชีย
(HFA) ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์
แต่ก่อนจะไปรู้ว่าภายในงานจะมีสินค้าและผลิตภัณฑ์อะไรบ้างมาแสดงนั้น น่าจะทำความรู้จักกับผู้จัดงานกันเล็กน้อย
แฮนโนเวอร์แฟร์สฯ เป็นบริษัทที่มีความชำนาญในการจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการใหญ่
ๆ ในระดับโลก มีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศเยอรมนีใช้ชื่อว่า Deutch Messe (ด้อยท์
แมสเซ) มีผลงานที่โดดเด่น อาทิ CeBIT ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าด้านคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ประเทศเยอรมนี
และได้ชื่อว่าเป็นงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางด้านโทรคมนาคมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
และด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่างแฮนโนเวอร์แฟร์สฯ และผู้ประกอบการจากทั่วโลก
เอ็น.ซี.ซี. จึงมั่นใจว่าจะสามารถโน้มน้าวและชักชวนให้ผู้ประกอบการและผู้เข้าชมงานจากประเทศต่างๆ
มาร่วมงาน Office Asia'98 ที่กรุงเทพฯ ได้
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าจากทั่วโลกประมาณ 350 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทจากประเทศไทย
20% และจากต่างประเทศ 80%
"โดยเราได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐในประเทศต่าง ๆ อาทิ The
Spanish Export Agency หรือ ICEX ได้ยืนยันที่จะนำกลุ่มบริษัทชั้นนำจากประเทศสเปนเข้ามาร่วมแสดงนิทรรศการกับเรา
นอกจากนี้ยังมีสมาคมหรือหน่วยงานต่างๆ จากประเทศเยอรมนี ญี่ปุ่น เกาหลี อิตาลีและสหรัฐอเมริกา
ก็ได้ให้ความสนใจเช่นกัน" พวงทิพย์ โชติพันธวานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ
กล่าว
ดังนั้น การที่แฮนโนเวอร์แฟร์สฯ เลือกประเทศไทยเป็นที่จัดแสดงงานย่อมเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพและความต้องการในประเทศได้เป็นอย่างดี
และนับเป็นความโชคดีของเอ็น.ซี.ซี.ฯ ที่มีโอกาสได้รับงานชิ้นนี้
"เหตุผลที่แฮนโนเวอร์แฟร์สฯ ได้เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงาน เนื่องมาจากเรามีความพร้อมในด้านการเป็นศูนย์กลางของประเทศต่าง
ๆ ในภูมิภาค เช่น พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย และที่สำคัญคือ อินโดจีน"
พวงทิพย์กล่าว
ความพร้อมที่ว่านั้นเห็นได้จาก อัตราการขยายตัวของเครื่องใช้สำนักงาน เช่น
เครื่องแฟกซ์ หรือระบบโทรศัพท์อยู่ที่ระดับ 15-20% ต่อปี การนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ที่ระดับ
36% ต่อปี การนำเข้าซอฟต์แวร์เองมีถึง 80% ต่อปีส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากอเมริกา
รองลงมาก็ญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศยุโรป โดยมูลค่าการใช้ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
อยู่ที่ประมาณ 900 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีการผ่อนผันภาษีการนำเข้าในส่วนของโทรคมนาคม ซึ่งก่อให้เกิดการเติบโตในธุรกิจนี้ยิ่งขึ้นและเป็นการกระตุ้นให้บริษัทต่างประเทศสนใจที่จะนำวิทยากรใหม่ๆ
เข้ามาในประเทศ ที่ผ่านมาได้มีการนำเข้าอุปกรณ์ทางด้านโทรคมนาคมถึง 90%
งานแสดงประเภท one stop shopping
เมื่อเห็นแล้วว่าประเทศไทยมีศักยภาพพอที่จะจัดงานและคาดว่าจะจัดได้แน่นอนแล้ว
ทีนี้มาดูว่าภายในงานจะมีอะไรมาแสดงให้ดูให้ชมบ้าง งานส่วนหลักๆ จะแบ่งเป็น
3 ส่วน คือ office automation ซึ่งจะรวมถึง คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ต่าง
ๆ และส่วนของ office design & furnishings จะมีเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งออฟฟิศ
และการออกแบบต่าง ๆ
และส่วนสุดท้ายเป็นส่วนของ stationary ซึ่งส่วนนี้ผู้จัดบอกว่าค่อนข้างจะสำคัญ
เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่บริษัทที่ดำเนินการอยู่แล้วต้องใช้ส่วนนี้อยู่แน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ ดินสอ ปากกา ฯลฯ ซึ่งอย่างไรก็ต้องใช้อยู่ทุกวัน
"โดยงานครั้งนี้ถือเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดและจัดเป็นครั้งแรกในเอเชียที่เกี่ยวกับออฟฟิศ
เพราะส่วนใหญ่แล้วงานที่จัดในประเทศไทยและในแถบเอเชียจะจัดงานเป็นเฉพาะอย่าง
เช่น ออฟฟิศเฟอร์นิเจอร์อย่างเดียว หรือ automation อย่างเดียว แต่งานนี้เราต้องการให้เป็นลักษณะ
one stop shopping" พวงทิพย์ กล่าว และเสริมว่า
"เราตั้งเป้าให้มีผู้เข้าชมงานนี้ถึง 15,000 คน ทั้งนักธุรกิจที่เป็น
trader และประชาชนโดยทั่วไป โดย 2 วันแรกจะเป็นการค้าเพื่อทำธุรกิจอย่างเดียว
และ 2 วันหลังจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมงาน" ผู้จัดคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานทั้งชาวไทยและต่างประเทศในสัดส่วน
50:50 ในส่วนของต่างประเทศเองนั้นจะมาจากในแถบเอเชียเท่านั้น เพราะทางยุโรปและอเมริกาจะมีการจัดงานของเขาอยู่แล้ว
และถ้างานนี้ประสบความสำเร็จ ทางผู้จัดวางแผนไว้ว่าจะจัดงาน Office Asia
ขึ้นทุกปี หรือ 2 ปี ครั้ง เพราะอุปกรณ์สำนักงานเหล่านี้มีการพัฒนาขึ้นทุกปีโดยเฉพาะอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์
ส่วนด้านงบประมาณนั้น เนื่องจากปีนี้เป็นปีแรก ผู้จัดคาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนสูง
เฉพาะงบโปรโมชั่นสูงถึง 7 ล้านบาท เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ คาดว่าจะต้องใช้ไม่ต่ำกว่า
30 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รายได้ก็จะมาจากค่าเช่าพื้นที่เป็นหลัก โดยผู้จัดคิดในอัตรา
US Dollar ค่าเช่าต่ำสุดตารางเมตรละ $320 เพราะผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าส่วนใหญ่ประมาณ
80% มาจาก
ต่างประเทศ แต่สำหรับบริษัทในประเทศไทยผู้จัดคิดพิเศษให้ โดยคิดแบบ fix rate
ที่ 30 บาท ต่อ $1 เท่านั้น
ท้ายสุดพวงทิพย์หวังว่า งานนี้นอกจากจะเป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจเครื่องใช้สำนักงานแล้วและจะเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับ
เอ็น.ซี.ซี.ฯ ในฐานะผู้บริหารศูนย์ประชุมฯ แล้วในส่วนของประเทศไทยยังจะได้ประโยชน์จากการออกบูธของชาวต่างชาติ
เพราะนั่นจะหมายรวมถึงค่าที่พัก ค่าโรงแรมและค่าอาหารต่าง ๆ ที่จะเข้ามา
และแน่นอนผู้แสดงสินค้าและผู้เข้าชมงานชาวต่างชาติคงถือโอกาสนี้เที่ยวเมืองไทยไปในตัว
"สิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวในปี'41
อีกด้วย" พวงทิพย์กล่าวทิ้งท้าย