|
“คุณกิตติ”งัดแผนปลุกทัพเพอร์แวร์รื้อระบบขายตรงรุกช่องทางค้าปลีกเป้า300ล.ปีแรก
ผู้จัดการรายวัน(7 มีนาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
เอสเคอินเตอร์กรุ๊ป ปรับระบบทัพเพอร์แวร์ใหม่หลังจากรับสิทธิ์นาน 5ปีทำตลาดในไทย งัดแผนขยายช่องทางจำหน่าย ค้าปลีก คีออส เสริมขายตรงที่ยังคงเป็นหลักกว่า 80% หวังรายได้ปีแรก 300 ล้าน
นายอรรถพล ชัยนันท์สมิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส เค อินเตอร์ กรุ๊ป 2005 จำกัด กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า หลังจากที่บริษัทเอสเคฯซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยนายสุวิทย์ และนางลาวัณย์ คุณกิตติ ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ได้รับลิขสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทัพเพอร์แวร์ในประเทศไทยจากบริษัทแม่ที่อเมริกาเป็นเวลานาน 5 ปีเริ่มตั้งแต่ปีนี้ ขณะนี้บริษัทฯได้ทำการปรับโครงสร้างการทำงานใหม่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่ได้รับโอนสิทธิ์และปัจจัยอื่นทั้งสมาชิก ช่องทางและระบบจากบริษัทเดิมที่ทำตลาดมานานกว่า 30 ปี
ทั้งนี้บริษัทเอสเคฯถือเป็นบริษัทแรกที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รับสิทธิ์ในการทำตลาดรายแรกในประเทศไทยแต่เป็นรายที่สองในตลาดโลกรองจากประเทศไต้หวัน ส่วนบริษัทเดิมคือ ทัพเพอร์แวร์ ประเทศไทย นั้นถือเป็นบริษัทสาขาของทัพเพอร์แวร์ที่อเมริกาและจ้างคนไทยเป็นผู้บริหาร
โดยบริษัทเอสเคฯตั้งเป้าหมายยอดขายในปีแรกที่เข้ามาทำตลาดประมาณ 300 ล้านบาท และจะเพิ่มยอดขายขึ้นเฉลี่ย 10% ทุกปี จากเดิมก่อนหน้านี้บริษัทเก่าทำไว้ประมาณ 150 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นมาถึง 2 เท่า ซึ่งบริษัทฯเดิมทำมานานกว่า 30 ปีแล้ว และเคยทำยอดขายได้สูงสุดก็ประมาณ 200 กว่าล้านบาท โดยจะมีการลงทุนในด้านระบบต่างๆเป็นหลักสิบล้านบาท และจะตั้งงบประมาณด้านการตลาดไว้ประมาณ 10% จากยอดขายหรือประมาณ 30 ล้านบาท เพื่อรุกการทำตลาดเต็มที่
นายอรรถพลกล่าวด้วยว่า โครงสร้างการบริหารของบริษัทฯจะแบ่งออกเป็น 4 ฝ่ายหลักคือ ฝ่ายขาย รับผิดชอบโดยนางสาวยุราพร สร้อยสุวรรณ ฝ่ายการตลาดรับผิดชอบโดยนายกีรติ โพธิสุวรรณ ฝ่ายการเงิน ฝ่ายคลังสินค้า ซึ่งผู้บริหารทั้ง 4 ฝ่ายนี้ก็ล้วนแล้วแต่อยู่กับทัพเพอร์แวร์ของบริษัทเดิมมานานล้วนเป็นลูกหม้อทั้งสิ้น จึงถือว่ามีประสบการณ์ที่พร้อมในการรุกตลาด แผนงานหลักๆจะขยายช่องทางการจำหน่ายแบบใหม่คือ ในเชนค้าปลีก การขายแฟรนไชส์ในรูปแบบคีออส และการขายตรงแบบเดิม
นายสุวิทย์ คุณกิตติ ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เอส เค อินเตอร์ กรุ๊ป 2005 จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของผลิตภัณฑ์ทัพเพอร์แวร์ในประเทศไทยหลังจากการเข้ามาจำหน่ายและได้รับความนิยมโดยผ่านระบบขายตรงและเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยมากว่า 39 ปี โดยในปี 2548 ที่ผ่านมามียอดจำหน่ายถึง 150 ล้านบาท
ทั้งนี้โดยหลังจากที่บริษัทฯได้เข้ามาดูแลในด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ทัพเพอร์แวร์ ซึ่งในปัจจุบันมี Product line ที่ครอบคลุมบรรจุภัณฑ์พลาสติกบรรจุอาหารมากกว่า 1,000 รายการ เราจึงได้มีการปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดโดยเน้นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายมากขึ้น ทั้งทางด้านการค้าปลีกโดยผ่านช่องทางห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ระบบแฟรนไซส์ และระบบขายตรง
“ตอนนี้เราเริ่มวางจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลมเป็นที่แรก และจะขยายช่องทางไปยังสาขาอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะขยายเพิ่มเป็น14 สาขา ภายในปีนี้ รวมทั้งให้ความสำคัญในส่วนของระบบการขายตรงซึ่งปัจจุบันมีไดเร็คเตอร์อยู่ประมาณ 25 ราย และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 50 ราย ภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังได้ขยายการจำหน่ายโดยผ่านระบบแฟรนไซส์อีกด้วย ซึ่งคาดว่าจากการรุกตลาดอย่างเต็มที่ในปีนี้ จะทำให้เราสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้คือ 300 ล้านบาท” นายสุวิทย์ กล่าว
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ในส่วนของการขายตรงนั้นยังเป็นหัวใจหลัก ขณะนี้มีสมาชิกประมาณ 50,000 รายที่อยู่ในระบบขายตรง และมีระดับผู้อำนวยการกลุ่มประมาณ 25 ราย มีเป้าหมายที่จะเพิ่มสมาชิกให้ได้อีกอย่างต่ำถึงสิ้นปีนี้อีก 20% และเพิ่มระดับผู้อำนวยการกลุ่มให้มากขึ้นอีก เพื่อกระจายการทำตลาดไปยังต่างจังหวัดให้มากขึ้น ซึ่งยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ทัพเพอร์แวร์ยังเข้าไม่ถึงผู้บริโภคซึ่งจากการสำรวจพบว่า ผลิตภัณฑ์ทัพเพอร์แวร์มีฐานลูกค้าเดิมในต่างจังหวัดเฉลี่ย 5% ซึ่งสัดส่วนลูกค้าของทัพเพอร์แวร์นั้นจะมาจากต่างจังวหวัดมากกว่า 60-70% และในกรุงเทพฯประมาณ 30-40%
ในช่องทางการขายตรงนี้บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับรูปแบบใหม่ จากเดิมที่สายงานขายตรงนี้จะแบ่งเป็นระดับหลายชั้นเป็นแนวลึกมากกว่า 5-6 ชั้น โดยคาดว่าจะปรับลดให้เหลือเพียง 2-3 ชั้นเท่านั้น และจะขยายในแนวกว้างมากกว่า เพื่อเป็นการขยายฐานกละตจลาดให้กวง้างมากจขึ้น
สำหรับอีกช่องทางหนึ่งคือ การขายแฟรนไชส์ในรุปแบบคีออส โดยจะเปิดโอกาสให้เฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกของทัพเพอร์แวร์เท่านั้น ในการเปิดคีออสในสถานที่และทำเลที่มีความเหมาะสม ซึ่งบริษัทฯจะให้สิทธิ์ในการนำโลโก้ของทัพเพอร์แวร์และของบริษัทฯไปติดตั้งซึ่งจะเป็นการสร้างชื่อและการันตีให้กับผู้บริโภคได้ด้วย โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปีนี้คาดว่าจะเปิดได้ประมาณ 50 จุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบและระบบการขายแฟรนไชส์คีออสอยู่
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้บริษัทเดิมที่เคยจำหน่ายเคยทำรูปแบบคีออสมาแล้วเช่นกันแต่เป็นการทำของสมาชิกเองแต่ก็ไม่ได้เป็นรูปแบบที่ชัดเจน และได้ยกเลิกไปในภายหลัง
ภายหลังการขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ๆในปีนี้คาดว่า สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนใหม่เป็น ไดเร็คเซลล์ 80% ค้าปลีกและคีออสประมาณ 20% จากยอดขายรวมปีนี้ประมาณ 300 ล้านบาท
ปัจจุบันทัพเพอร์แวร์ที่จำหน่ายในไทย นำเข้ามาจากต่างประเทศจากโรงงานที่กระจายในหลายประเทศแล้วแต่ประเภทของผลิตภัณฑ์เช่น เกาหลี เบลเยี่ยม มาเลเซีย ฝรั่งเศส อเมริกา ซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศไทยเคยได้รับสิทธิ์ผลิตเหมือนกันแต่ได้เลิกไปแล้วเพราะมีปัญหาบางประการ
ทั้งนี้สินค้าที่จำหน่ายบริษัทฯได้จัดกลุ่มใหม่เหลือประมาณ 10 กว่ากลุ่มจากเดิมที่แบ่งกระจายมากกว่า 70-80 กลุ่ม โดยจะมีสินค้ามากกว่า 1,000 รายการ เช่น ชุดเครื่องครัว ชุดตู้เย็น ชุดเสิร์ฟ ชุดถนอมอาหาร เป็นต้น โดยรายได้หลักมาจากกลุ่มชุดถนอมอาหารและชุดไมโครเวฟ เป็นหลัก โดยกลุ่มเป้าหมายของทัพเพอร์แวร์จะเจาะกลุ่มระดับเอถึงบี เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|