"แฟนต้า" เป็นน้ำอัดลมประเภทน้ำสี ที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในบรรดาน้ำอัดลมประเภทเดียวกันเป็นอันดับต้น
ๆ โดยเฉพาะแฟนต้าน้ำส้ม ซึ่งมียอดขายในบรรดาน้ำอัดลมรสส้มเป็นอันดับ 1 คือ
แฟนต้าน้ำส้ม มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 1 ใน 3 ของตลาดน้ำอัดลมรสส้มทั้งหมด
และมียอดขายสูงเป็นอันดับ 4 จากยอดขายของน้ำอัดลมทั้งหมด
สำหรับในประเทศไทยเอง แฟนต้าน้ำส้มที่เป็นน้ำอัดลมที่เป็นที่รู้จักดี และมียอดขายสูงเป็นอันดับ
4 ของโลก จาก 188 ประเทศที่มีแฟนต้าจำหน่าย โดยมีอัตราการบริโภคกว่า 3 ล้านแก้วต่อวัน
รองจากประเทศเยอรมนี บราซิล และเม็กซิโก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บริษัท โคคา-โคล่า ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของน้ำอัดลมแฟนต้า
จะตัดสินใจเลือกใช้ประเทศไทยเป็นที่เปิดตัวกราฟฟิกใหม่ของแฟนต้าเป็นแห่งแรก
เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2540 ที่ผ่านมา พร้อมกับเริ่มวางตลาดแฟนต้ากราฟฟิกใหม่
โดยเริ่มจากบรรจุภัณฑ์ประเภทกระป๋อง และตามมาด้วยประเภทขวดแก้ว ซึ่งจะใช้เวลาเปลี่ยนทั้งหมดอย่างน้อย
1 ปี ขึ้นไป โดยไม่หวั่นว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไทยจะเป็นเช่นไร
คริส สารสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ผู้ผลิตน้ำอัดลม
โคคา-โคลา, แฟนต้า, สไปร์ท และ เมาเท่นดิว กล่าวออกตัวในงานเปิดตัวกราฟฟิกใหม่ของแฟนต้าว่า
การรุกตลาดด้วยกราฟฟิกใหม่ของแฟนต้าครั้งนี้ จะพูดถึงในแง่ของการเติบโตเฉพาะของตลาดน้ำอัดลมแฟนต้าเท่านั้น
ไม่ใช่พูดถึงการเติบโตของบริษัทไทยน้ำทิพย์หรือผู้ผลิตโค้กในประเทศไทย โดยกล่าวว่า
การที่บริษัท โคคา-โคลา ตัดสินใจเปิดตัวกราฟฟิกใหม่ของแฟนต้าในไทย เพียงเพราะมั่นใจศักยภาพความแข็งแกร่งของตลาดแฟนต้าในไทย
ซึ่งมียอดขายอยู่ถึงอันดับ 4 ของโลก และการเจริญเติบโตของยอดขายในไทยสำหรับแฟนต้าก็ทำได้ถึง
15% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าในปี 2540 นี้ก็จะยังสามารถขยายยอดขายของแฟนต้าได้อีกเป็นตัวเลข
2 หลักเช่นเดิม
สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะเป้าหมายกลุ่มลูกค้าของแฟนต้าคือกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งยังคงมีกำลังซื้อโดยไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากภาวะเศรษฐกิจ
และเป็นกลุ่มที่ชอบความสนุกสนานที่สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของกราฟฟิกใหม่
โดยการสร้างความรู้จักให้กับกราฟฟิกใหม่ของแฟนต้าจะใช้งบประมาณ 75 ล้านบาท
เริ่มจากประเทศไทยในปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา และกระจายไปยังประเทศอื่นๆ
ทั่วโลกที่จำหน่ายแฟนต้า ซึ่งโคคา-โคลา ยังมีงบต่อเนื่องสำหรับน้ำอัดลมแฟนต้าอีก
200 ล้านบาท สำหรับกิจกรรมการกระตุ้นตลาด
นายเคริก์ วีลเลอร์ ผู้จัดการภูมิภาคประจำประเทศไทย บริษัทโคคา-โคลา (ประเทศไทย)
จำกัด และนายแรนดี้ แรนซัม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตก
ร่วมกันเปิดเผยถึงกิจกรรมการกระตุ้นตลาดของแฟนต้าว่า กิจกรรมที่ได้ผลมาแล้วในการกระตุ้นตลาดของแฟนต้า
ซึ่งบริษัทยังจะใช้เป็นแนวทางเดิมในการกระตุ้นตลาดด้วยเช่นกัน ก็คือ กิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มวัยรุ่น
ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแฟนต้า คือ กลุ่มวัยรุ่นอายุระหว่าง 12-19 ปี อาทิ
กิจกรรมที่ทายว่าใครไม่ได้ดื่มแฟนต้า ซึ่งสามารถกระตุ้นยอดขายแฟนต้าเพิ่มขึ้นถึง
18%
และกิจกรรมกุญแจแฟนต้าล่ารถ ก็ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 16% เช่นกัน
เช่นเดียวกัน กราฟฟิกใหม่ของแฟนต้าที่เริมออกให้มาเห็นในตลาดกว่า 1 เดือนนั้น
แรนดี้ แรนซัม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตก
กล่าวว่า เป็นกราฟฟิกที่พัฒนาขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์เดิมของแฟนต้า ที่ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเป็นแฟนต้า
แต่ปรับปรุงให้มีความทันสมัยมากขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ตามการพัฒนาของสังคมมนุษย์
โดยได้บริษัท KSDP Pentagraph จากประเทศแอฟริกาใต้ เป็นผู้ออกแบบ ออกมาเป็นรูปอักษรสีน้ำเงินเข้มบนพื้นขาว
รูปผลส้มและใบไม้สีเขียว
"กว่าจะสรุปแบบของกราฟฟิกใหม่ได้ลงตัว มีการแก้ไขประมาณ 3-4 ครั้ง
ใช้เวลาวิจัยความชอบจากวัยรุ่นทั่วโลกกว่า 40,000 คน ก่อนจะนำมาใช้แทนกราฟฟิกเก่าซึ่งเพิ่งใช้มาได้
5 ปี ซึ่งกราฟฟิกใหม่ที่ได้สรุปแล้วว่าเป็นกราฟฟิกที่สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสนุกสนาน
ความรู้สึกร่วมสมัย และรสชาติที่เยี่ยมยอด" ผู้จัดการฝ่ายการตลาดฯ กล่าว
ทั้งนี้ในด้านความนิยมของเครื่องดื่มแฟนต้า ได้มีการวิจัยจากกลุ่มนักวิจัยอิสระชื่อ
กลุ่ม Brainwaves แห่งนครนิวยอร์ก ในปี 2539 โดยสำรวจจากกลุ่มวัยรุ่นทั่วโลกจำนวน
25,000 คน พบว่า น้ำอัดลมแฟนต้าได้รับเลือกให้อยู่ในอันดับ 7 ในด้านการรับรู้และจดจำของตราสัญลักษณ์ซึ่งอยู่ในอันดับที่สูงกว่า
ลีวายส์ และวีซ่า และได้รับเลือกให้อยู่ในอันดับ 8 ของผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นวัยรุ่นและเป็นผู้บริโภคสินค้านั้นโดยตรง
และนี่คืออีกเหตุผลที่กราฟฟิกใหม่ของแฟนต้า ไม่ได้ฉีกแนวแตกต่างจากภาพลักษณ์เดิมไปโดยสิ้นเชิง
ในปี 2539 ที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์แฟนต้ามียอดขายกว่า 1,000 ล้านลัง โดยผู้บริหารโคคา-โคลา
เองยังเชื่อว่าแฟนต้ายังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการวางจำหน่ายใน
188 ประเทศทั่วโลก โดยแบ่งอัตราส่วนการจำหน่ายสูงสุดในตลาดยุโรป คือ มียอดจำหน่าย
40% รองลงมาได้แก่ ละตินอเมริกา 26% ประเทศแถบตะวันออกกลางและตะวันออกไกล
21% แอฟริกา 9% และอเมริกาเหนือ 4%
สำหรับยอดขายของผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมของไทยน้ำทิพย์ คริส สารสิน กล่าวว่า
ปัจจุบันแฟนต้ามีส่วนแบ่งในตลาดน้ำสี 80% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 6,000 ล้านบาท
และมีส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลมรวมทั้งโค้กและแฟนต้า 60% ของมูลค่าตลาดน้ำอัดลมโดยรวม
20,000 ล้านบาท และสำหรับการเปลี่ยนกราฟฟิกใหม่ของแฟนต้าในครั้งนี้ คริส
กล่าวว่า
"ไทยน้ำทิพย์มีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความนิยมของน้ำอัดลมแฟนต้าในหมู่วัยรุ่นให้มีมากขึ้น
จากที่ได้รับความนิยมอยู่มากแล้วก็ตาม แต่บริษัทยังเห็นช่องว่างทางการตลาดสำหรับการเติบโตของแฟนต้าอีกมาก
ซึ่งผู้บริโภคจะได้เห็นการเติบโตนี้จากโครงการส่งเสริมการขายที่ยิ่งใหญ่ของบริษัทที่จะมีออกมาในเร็วๆ
นี้