"อีกครั้งของอนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ เจ็บหนักเพราะโฮปเวลล์ล้ม?"


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2540)



กลับสู่หน้าหลัก

การตัดสินใจของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับโครงการระบบขนส่งมวลชน และทางยกระดับโฮปเวลล์ หากดูแล้วว่าจะเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดหรือไม่นั้น ต้องดูด้วยว่าระยะเวลาของโครงการมาอยู่ในช่วงที่ต้องเร่งตัดสินใจแล้วมากกว่า หลังจากปล่อยทิ้งร้างมานาน เพราะมีความแน่นอนแล้วว่า ปี 2541 อย่างไรเสียโครงการโฮปเวลล์ก็คงเสร็จไม่ทันแน่นอน

หากไม่ล้มสัญญาตั้งกติกาใหม่ เสาตอม่อที่ขึ้นตามแนวรางรถไฟก็ยังเป็นเสาตอม่อแบบนั้นต่อไป โดยไม่มีใครมารับผิดชอบได้ และตัวโฮปเวลล์เองก็คงรับภาระของตนเองไม่ไหวเช่นกัน

นอกเหนือจากกอร์ดอน วู ซึ่งกลายเป็นมังกรที่เจ็บหนักและบอบช้ำจากการเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย บุคคลที่ถูกระบุว่าต้องมีส่วนรับผิดชอบกับปัญหานี้คือ อนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ ผู้เป็นกาวใจสร้างสายสานสัมพันธ์ให้กับ กอร์ดอน วู และมนตรี พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจอมโปรเจกต์ เมื่อครั้งที่นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากฮ่องกงรายนี้ตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน

ครั้งนั้นเป็นการย้ายฐานการลงทุนก่อนที่ฮ่องกงจะถูกคืนให้กับจีนใหญ่

อนุศักดิ์ ผู้รับงานเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยเดินเรือทะเล จำกัด หน่วยงานรัฐวิสาหกิจกระทรวงคมนาคม ผู้ถูกระบุว่าเป็น ล็อบบี้ยิสต์ ของโครงการโฮปเวลล์ และอยู่เบื้องหลังโดยไม่ยอมออกหน้า ปล่อยให้กฤษณนันท์ พลาฤทธิ์ ซึ่งทำงานร่วมกัน ที่บริษัท ซีทีไอออกหน้าแทน

เพราะอย่างไรอนุศักดิ์ ก็ยังถือว่าตนเองเป็นเพียงผู้ประสานงาน หาใช่ผู้ลงทุนตัวจริงไม่

ไม่ว่าโครงการโฮปเวลล์ จะเดินหน้า ถอยหลัง มีปัญหาหนักในเรื่องแบบก่อสร้าง การประสานงานกับหน่วยงานรัฐ ตั้งแต่การรถไฟแห่งประเทศไทย เจ้าของสัมปทานเรื่อยไปจนถึงหน่วยงานทั้งไฟฟ้า ประปา ถนนหลวง กทม. การดำเนินงานร่วมกันที่ค่อนข้างกระท่อนกระแท่น เป็นเพราะฝ่ายฮ่องกงต้องลงมือเจรจาต่อรองด้วยตนเองหลายครั้ง

ผู้ที่เกี่ยวข้องบางคนบอกว่าเป็นเพราะทางฝ่ายฮ่องกงเองก็ยังไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่คนไทยที่ทำงานให้ หรืออีกนัยหนึ่งยังไม่มีใครที่วางใจได้ ซึ่งบทบาทของผู้ประสานงานจากที่อนุศักดิ์ เปิดทางไว้ให้ในตอนแรกนั้นก็คงทำได้แค่ในระดับบนเท่านั้น

การมาของโฮปเวลล์เมื่อ 8 ปีก่อน เป็นการสร้างความหวังให้กับบริษัทเอกชนหลายราย มีการติดต่อตัวแทนที่จะเข้ามาเป็นซัปพลายเออร์โครงการในด้านระบบขนส่ง มีบริษัทเอกชนหลายรายที่สนใจเข้ามาร่วม เพราะโครงการระดับถึง 80,000 ล้านบาทนั้นหาไม่ได้มากนักในกรุงเทพมหานครที่กำลังอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น

ผู้ประกอบการร่วมที่สามารถเข้ามาร่วมอยู่ในโครงการโฮปเวลล์มีได้มากมายหลายระดับ นับตั้งแต่ผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นด้านอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม โรงพยาบาล การหาประโยชน์จากที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยในเขตกรุงเทพฯ จนถึงผู้ผลิตจำหน่ายล้อเลื่อน ผู้จัดทำระบบรถไฟฟ้า ระบบรางรถไฟ ผู้จำหน่ายหัวรถจักร รถขบวน

แต่โครงการเหล่านี้ต้องพับปิดโครงการเป็นทิวแถว เอกชนเหล่านี้ ล้วนรอผลบุญที่ได้รับส่งต่อมาจากโฮปเวลล์หากโครงการสามารถทำสำเร็จ

บริษัทใหม่ที่ตั้งขึ้นมา ประสบภาวะย่ำแย่เช่นเดียวกับโฮปเวลล์จริงหรือ?

ปัญหาโครงการโฮปเวลล์ถูกจับตามองมาโดยตลอดเกี่ยวกับความคืบหน้า ซึ่งสิ่งที่ถูกนำเสนอมาตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าฝ่ายฮ่องกงคงไม่ประสบผลสำเร็จในประเทศไทยอย่างแน่นอน เพียงแต่รอระยะเวลาสุกงอมที่ฝ่ายรัฐบาลไทยสามารถดำเนินการเชือดได้เท่านั้น เนื่องจากสัญญาที่เซ็นไว้ยังคงสร้างความได้เปรียบให้กับโฮปเวลล์อยู่

เหล่าธุรกิจใหม่ที่ริเริ่มขึ้นมาช่วงหลังก่อตั้งโฮปเวลล์ย่อมต้องรู้สถานการณ์ดี หากไม่มีการประกอบการใดก็พร้อมที่ปิดบริษัทคืนทุนจดทะเบียนได้ไม่ยาก และหากมีการสานต่อโครงการก็สามารถก่อสร้างขึ้นมารับงานใหม่ได้ เพียงแต่ขอความแน่นอนจากผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น

เมื่อโฮปเวลล์ถูกลดบทบาทเพราะต้องทำสัญญาใหม่กับฝ่ายรัฐบาลไทย ก็ต้องมีการเตรียมตัวของบริษัทเอกชนอีกหลายรายขึ้นมารับงานโครงการอีกครั้ง

และทุกคนก็รอเวลาว่าจะมีใครที่อาจหาญมารับบทบาทแทน โฮปเวลล์และกอร์ดอน วู ได้ โดยเฉพาะการจับเอาโครงการมาปรับเปลี่ยนเสียใหม่ให้เหมาะสมกับผู้ลงทุนคนไทย

เหมือนเมื่อครั้งบริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดิเวล็อปเมนต์ จำกัด เคยเสนอตัวมาแล้ว เพียงแต่กอร์ดอน วูไม่ยอม

เงื่อนไขใหม่ของรัฐบาลไทยที่มีอยู่ด้วยกันใน 5 รูปแบบ คือ 1. หาเอกชนรายใหม่มาร่วมกับภาครัฐดำเนินการ 2. หาเอกชนรายใหม่มาเจรจาร่วมทุนกับโฮปเวลล์ 3. เปิดโอกาสให้เอกชนรายใหม่เข้ามารับสัมปทานแทน 4. ให้การรถไฟฯ ดำเนินการเอง และ 5. ให้โฮปเวลล์หาผู้ร่วมทุนรายใหม่เอง

อย่างน้อยก็มี 2 แนวทางที่ยังคงให้โฮปเวลล์สามารถดำเนินการได้ต่อเพียงแต่ลดบทบาทลง หากโฮปเวลล์ไม่เจ็บหนักเกินไป แล้วถอนตัวบทบาทของผู้ประสานงานฝ่ายไทยอย่างอนุศักดิ์ ก็ยังคงอยู่ เพียงแต่ปรับกลยุทธ์บางอย่างหากต้องการทำธุรกิจต่อไปกับโฮปเวลล์

แต่หากเอกชนรายใหม่เข้ามา อนุศักดิ์ก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องได้ เพราะรู้ช่องทางในโครงการว่าอย่างไรเสียโครงการก็ยังมีความใหญ่อยู่พอที่จะหาทางเข้าร่วมลงทุนได้ แม้จะมีเอกชนรายอื่นเข้ามาแทน

และถึงอย่างไรตอนนี้ โฮปเวลล์ก็ยังไม่ดับไปในทันที อันจะเป็นบทพิสูจน์ผู้ประสานงานฝ่ายไทยอย่างอนุศักดิ์ว่าจะสามารถพลิกฟื้นสถานการณ์ได้อีกหรือไม่

หากกอร์ดอน วู สามารถคงโฮปเวลล์ในประเทศไทยได้ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นจากความสามารถในการประสานงานของอนุศักดิ์ แต่หากไม่มีอะไรดีขึ้น และกอร์ดอน วูต้องเจ็บหนักกลับไป อนุศักดิ์ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร เพราะเขายังมีธุรกิจในมือที่ต้องดูแลอยู่อีกมาก

แม้จะได้ชื่อว่าไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นล็อบบี้ยิสต์โครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ก็ตาม

ครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ฝีมืออนุศักดิ์ว่าการเป็นล็อบบี้ยิสต์ก็ยังดีกว่าเป็นนักลงทุนเพราะความเจ็บตัวย่อมมีระดับที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.