เอเวอร์แลนด์ตั้งเป้าออกแผนฟื้นฟูเม.ย.เตรียมตั้งบอร์ดใหม่พิจารณาจ่ายปันผล


ผู้จัดการรายวัน(3 มีนาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

เอเวอร์แลนด์คาดออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ภายในเดือนเม.ย.นี้ เตรียมตั้งกรรมการชุดใหม่พิจารณาจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น เล็งศึกษาเข้าซื้อกิจการที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้เพราะต้นทุนต่ำ ขณะที่ราคาหุ้นหลังจากกลับมาซื้อขายปกติพุ่งแล้ว 26.87%

นายสวิจักร์ โลจายะ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน)หรือ EVER กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอคำสั่งจากศาลล้มละลายกลางให้ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ภายหลังจากที่บริษัทสามารปรับโครงสร้างและได้มีการจ่ายคืนหนี้ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟู ซึ่งปัจจุบันเจ้าพนักงานพิทักษ์อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟู้กิจการได้ในช่วงเดือนเมษายน

ทั้งนี้ภายหลังจากออกจากแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อสรรหากรรมการบริษัทชุดใหม่ประมาณ 5-9 คน โดยกรรมการบริษัทชุดใหม่จะมีการพิจารณาเรื่องการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น โดยบริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลประมาณ 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 171 ล้านบาทหรือ 0.41 ต่อหุ้น นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการพิจารณาโครงการต่างๆที่เตรียมจะลงทุนโดยหลังจากนั้นจะมีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป

สำหรับแผนงานด้านการลงทุน บริษัทมีแผนที่จะซื้อโครงการที่อยู่อาศัยซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเหตุผลที่บริษัทสนใจจะเข้าลงทุนในบริษัทที่อยู่ระหว่างการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ เนื่องจากบริษัทในกลุ่มดังกล่าวจะได้รับการลดหนี้(แฮร์คัท)จากเจ้าหนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้บริษัทได้ต้นทุนในการทำธุรกิจทีค่อนข้างต่ำ

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาลงทุนเพื่อทำโครงการคอนโดมิเนียมกลางเมือง ซึ่งอาจจะเป็นการลงทุนด้วยการสร้างโครงการใหม่หรือการลงทุนซื้อกิจการ ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้มาพัฒนาต่อ โดยคาดว่าในเรื่องดังกล่าวจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในปีนี้

ในส่วนของรายได้ของบริษัทในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการที่ปิดแล้ว 3 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 1,100 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการมายวิลล่า บางนา ในส่วนอาคารสำนักงาน มูลค่า 436 ล้านบาท ที่อยู่อาศัย ตึก B มูลค่า 60 ล้านบาท ตึก C มูลค่า 111 ล้านบาท โครงการมายโฮม ประชาชื่น มูลค่า 90 ล้านบาท โครงการมายโฮม เทพารักษ์ มูลค่า 461 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการได้แก่โครงการบ้านเดี่ยวสุวินทวงศ์ เฟสแรกมูลค่า 805 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยวมายโฮม เชียงใหม่ เฟสแรกมูลค่า 500 ล้านบาท

ด้านความเคลื่อนของราคหุ้นล่าสุด( 2 มี.ค.) ปิดที่ 4.06 บาทลดลง 0.42 บาทหรือ 9.38% มูลค่าการซื้อขาย 10.59 ล้านบาท โดยเมื่อเทียบกับเมื่อวันที่ 19 ม.ค.49ซึ่งเป็นวันแรกที่กลับเข้ามาซื้อขายในหมวดปกติราคาปิดที่ 3.20 บาท โดยราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 0.86 บาท หรือ 26.87%

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด แนะนำ ซื้อโดยให้ราคาเป้าหมายหุ้น EVER ที่ 4.56 บาท โดยระบุว่าจุดเด่นของบริษัทคือ ได้รับต้นทุนที่ดินเพื่อมาพัฒนาต่ำ คือมีสิทธิ์ซื้อคืนจาก บสท.ได้ในราคา 70% ของราคาปกติ ตามเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ อัตรากำไรขั้นต้นจึงสูงที่ 35-38% ราคาขายบ้านส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับราคาปานกลางซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของตลาดในขณะนี้ อีกทั้งคาดการณ์ผลกำไรปกติปี 2548 และ 2549 จะออกมาอยู่ในเกณฑ์ดี

ทั้งนี้คาดว่าในปี 2549 บริษัทจะมีอัตราการเติบโตของกำไรปกติอยู่ในระดับสูงเป็น 69% นอกจากนี้มีขาดทุนสะสมที่สามารถประหยัดภาษีได้เต็มที่ในปี 2549 นี้ ราคาเป้าหมายปี2549 ใช้ P/E ปี 2549 ที่เพียง 6.0 เท่า ราคาเป้าหมายยังมีส่วนเพิ่ม 12%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.