|
พล็อตฯปรับเกมหลังวืดเป้า200ล.ส่งทีมพิเศษรุก-ลดไซส์ดึงยอดคืน
ผู้จัดการรายวัน(3 มีนาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
“พล็อต แอนด์ แพลน” ปรับกลยุทธ์ใหม่รับศึกการเมืองและเศรษฐกิจฝืดเริ่มปรับตั้งแต่ช่วงต้นปีทั้งทำไซส์สินค้าเล็กลงเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงส่งทีมงานพิเศษบุกทำตลาดชุมชนที่เข้าไม่ถึง ล่าสุดเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “โอ มาย ก็อด !” เจาะกลุ่มคนเทรนด์ดี้ คาดสิ้นปียอดขายโต 20% หลังพลาดเป้าปีที่แล้วถึง 200 ล้านบาท
นางวิภารดี ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พล็อต แอนด์ แพลน จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางสมุนไพร “เบลล่า นีน่า” เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทฯได้มีการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่บางส่วน อาทิ มีการปรับหรือเพิ่มไซส์สินค้าที่ขายดีอย่างเบลล่า นีน่าลงให้มีขนาดเล็กลง 15 กรัม จากเดิมมีขนาดใหญ่ 65 กรัม เพื่อรองรับกับกำลังซื้อของลูกค้าที่ชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นบริษัทฯจึงรีบเปิดตัวแผนดังกล่าวในช่วงต้นปีนี้ จากเดิมมีแผนจะเริ่ม 1 มีนาคมนี้
ประกอบกับบริษัทฯเตรียมทำตลาดหนักขึ้นผ่านทางทีมงาน 6 ทีมพิเศษ ประกอบด้วย 2 คนต่อรถ 1 คัน ในการทำเวิร์คชอปเพื่อเจาะตลาดชุมชนที่ยังเข้าไม่ถึง โดยแบรนด์ที่ใช้ในการทำตลาดจะเป็นแบรนด์ “เบลล่า นีน่า” ซึ่งมีราคาสินค้าไม่แพงเฉลี่ยประมาณ 200 บาท และสินค้าสามารถใช้ได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าว่าภายใน 1 ทีมจะมียอดลูกค้าประมาณ 800-1,000 รายต่อเดือนโดยทีมงานดังกล่าวนี้เริ่มปฏิบัติการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 49ที่ผ่านมา จากเดิมที่บริษัทฯวางไว้ว่าจะเริ่ม 1 มี.ค.49
ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สกินแคร์ใหม่ภายใต้ชื่อ “โอ มาย ก็อด ! (Oh My God!)” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ทำหน้าที่ทั้งปกป้อง ฟื้นฟู และบำรุงผิวจำนวน 5 รายการ ได้แก่ สบู่,ครีมบำรุงผิว,โบ-ซิไลน์,แฮร์ โทนิคและมนตรา สเปย์ มิสต์ที่มีไว้แจกฟรีให้แก่สมาชิก โดยกลุ่มเป้าหมายหลักจะเน้นที่นักธุรกิจหรือคนที่เทรนด์ดี้ ซึ่งระดับราคาสินค้าจะอยู่ 200-1,500 บาท และสินค้าเริ่มวางขายแล้วในวันที่ 1 มี.ค.49 ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้คาดว่าจะสามารถทำรายได้ถึงสิ้นปีที่ 100-120 ล้านบาท
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ในเครือของบริษัทฯมีดังนี้ 1. เบลล่า นีน่า เป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ดูแลผิวหน้า เช่น รักษาฝ้าและกระ โดยสินค้าในกลุ่มนี้ยังมีครีมมะขามป้อม ( Brightening Plus), อาราบาด้า,เบลล่า เบลล่า 2.บิวตี้ คาเฟ่ เป็นผลิตภัณฑ์อโรมาเธอราพี 3. เดอะ ลิฟท์ เฟอร์เอเวอร์ ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาและผลิตเอง และเครื่องสำอางไวลด์ ออร์คิด
“แผนการตลาดในปีนี้ของบริษัทฯเตรียมใช้งบการตลาดไว้ที่ 30 ล้านบาท โดยในช่วง 3 เดือนแรกจะใช้ประมาณ 9 ล้านบาท โดยจะเน้นทำตลาดผ่านสื่อต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และวิทยุ รวมถึงการทำโปรโมชั่นต่างๆ เช่น โปรโมชั่นผลิตภัณฑ์โอ มาย ก็อด 2 ชุด คาดว่าจะขายได้จำนวน 3หมื่นชุด เป็นต้น”
ส่วนช่องทางการขายสินค้าของบริษัทฯ ปัจจุบันมีขายผ่านทั้งแฟรนส์ไชส์บิวตี้ คาเฟ่ทั้ง 33 รายและเอเยนต์ย่อย 400 แห่งทั่วประเทศ ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าเพิ่มแฟรนไชส์อีกกว่า 2 แห่ง ส่วนจำนวนสมาชิกขณะนี้มีกว่า 3-4 หมื่นราย
ด้านตลาดส่งออกขณะนี้มีลูกค้าหลักอยู่ในประเทศญี่ปุ่น 2 ราย ,อินเดีย, ดูไบ และตลาดอเมริกา ซึ่งมีการซื้อขายแบบจำนวนน้อย แต่ในช่วงปลายเดือนมี.ค.นี้จะมีลูกค้าจากไมอามีเข้ามาติดต่อ เพื่อนำสินค้าเบลล่า นีน่าไปเปิดตลาดที่อเมริกาและเปอร์โตริโก ซึ่งมีประชากรกว่า 30 ล้านราย
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 15-20% จากยอดรายได้ปีที่แล้วที่ได้กว่า 600 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามเป้าเดิมที่ตั้งไว้คือ 800 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและน้ำมันขึ้นราคา โดยสัดส่วนยอดรายได้แบ่งเป็น เบลล่า นีน่า 70% บิวตี้ คาเฟ่,เดอะลิฟท์ ฟอร์เอเวอร์และไวลด์ ออร์คิด 15% และยอดส่งออก 15%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|