|
“ตราหมี”ยกเครื่องยูเอชทีใหม่โละแบ่งช่วงอายุทิ้งเจาะเด็กโต
ผู้จัดการรายวัน(3 มีนาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
“เนสท์เล่” รีลอนช์นมตราหมียูเอชทีใหม่ โละการแบ่งตามช่วงอายุทิ้ง ขยับเจาะกลุ่มเด็กโตตั้งแต่ 3 ปีขึ้นแทน ประเดิมสู่ตลาด 5 รสชาติ ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญนมผง “แม่ก่อ เพื่อลูกค้า กับนมผงตราหมี แอดวานซ์” เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับคุณแม่ สิ้นปีแชร์ขยับเป็น 35-38%
นายเทรเวอร์ เครตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมผงตราหมี แอดวานซ์ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้รีลอนช์นมพร้อมดื่มหรือยูเอชทีภายใต้แบรนด์ตราหมีแอดวานซ์ใหม่ จากเดิมจะแบ่งตามช่วงอายุ ประกอบด้วย สำหรับเด็กอายุ 1 ปี , 3ปี และ 6ปี ทั้งนี้การปรับใหม่เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายเด็กโตหรือมีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป สำหรับการรีลอนช์ใหม่ประเดิมเปิดตัว 5 รสชาติ เช่น รสจืดกลิ่นวานิลา,น้ำผึ้ง,ช็อกโกแลต และวานิลา โดยได้ลงสู่ตลาดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี้
“การทำตลาดนมผง บริษัทฯยังคงแบ่งตามช่วงอายุ คือ 1 ปี 3 ปี และ 6 ปี ซึ่งการรีลอนช์ยูเอชทีออกมาเพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ที่ต้องการความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามด้านการแข่งขันตลาดนมปีนี้ เชื่อว่าคู่แข่งคงจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันกับเรา เนื่องจากเห็นเทรนด์ที่เกิดขึ้น”
ด้านการทำตลาดนมผง ประเดิมต้นปีเปิดตัวโครงการ “แม่ก่อ เพื่อลูกค้า กับนมผงตราหมี แอดวานซ์” เปิดโอกาสให้คุณแม่ที่มีลูกอายุ 1-7 ปี และสนใจสมัครเข้ารับการคัดเลือก ส่งรูปถ่ายขนาด 4X6 จำนวน 1 ใบ พร้อมบรรยายรายละเอียดของการเลี้ยงลูกภายใต้แนวคิด “Can Do” ใน 3 หัวข้อเรื่อง ได้แก่ กล้าเปิดรับมิตรภาพใหม่ 2.กล้าออกไปสู่โลกที่กว้างกว่า และ3. กล้าคิด กล้าทำ อย่างสร้างสรรค์ ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงดูและส่งเสริมให้ลูกเจริญเติบโตเต็มศักยภาพ
โดยคาดว่ากิจกรรมดังกล่าวจะช่วยสร้างความสัมผัสระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคด้วย ซึ่งภายในปีนี้บริษัทฯจะมีการกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวต่อเนื่องตลอดทั้งปี สำหรับกลยุทธ์การสื่อสารของนมตราหมีที่ผ่านมา จะสื่อกับกลุ่มคุณแม่มาโดยตลอด มากกว่าจะเล่นในเรื่องของอีคิว และไอคิว ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะบริษัทฯเชื่อถึงความสัมพันธ์ของแม่ที่มีต่อลูก ขณะที่ผู้ที่เป็นแม่จะเป็นผู้ที่เลือกซื้อสินค้าเป็นหลัก
สำหรับตลาดนมพร้อมผงมูลค่า 5,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 6 % อย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันนมตราหมีเป็นผู้นำตลาดนมผงครองส่วนแบ่ง 33 % และปีนี้หลังจากที่ดำเนินการตลาดในเชิงรุกคาดว่าส่วนแบ่งจะเพิ่มขึ้น 2-5% ส่วนอันดับสองเป็นนมคาร์เนชั่น พร้อมกันนี้บริษัทยังเป็นผู้นำตลาดนมโดยรวมครองส่วนแบ่ง 50%
นายเครตัน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการเปิดเขตเสรีการค้าหรือเอฟทีเอระหว่างไทย-ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ซึ่งจะมีผลทำให้นมผงสำเร็จรูปเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น โดยอาศัยกำแพงภาษีนำเข้านมผงสำเร็จรูปที่ลดลงนั้น เนสท์เล่ในฐานะเป็นผู้นำตลาด เชื่อว่าจะรองรับการแข่งขันในเรื่องของราคาได้ เนื่องจากบริษัทมีโรงงานที่ผลิตสินค้าภายในประเทศ เมื่อเทียบกับคู่แข่งจะเป็นการนำเข้ามากกว่า
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|