บีทีเดินหน้าปรับพอร์ตการลงทุน หลังตลาดหุ้นเจอมรสุมการเมือง


ผู้จัดการรายวัน(2 มีนาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

บลจ.บีทีปรับพอร์ตการลงทุน หลังภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นโดนมรสุมการเมืองซัด ยันกองทุนหุ้นที่อยู่ภายใต้การบริหารไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเน้นหุ้นที่มีพื้นฐานแกร่ง ขณะที่กองทุนตราสารหนี้ยังเดินหน้าออกอย่างต่อเนื่อง รับกระแสคนฝากเงินแห่ลงทุนกองทุนรวม

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด (BTAM) เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทเน้นออกกองทุนประเภทตราสารหนี้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการนักลงทุนในช่วงทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และเมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานระหว่างกองทุนประเภทต่างๆ กองทุนตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

สำหรับกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท 3 กองทุน ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนมาระยะหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดจะมีความผันผวน แต่กองทุนหุ้นของบริษัทจะไม่มีการขึ้นหรือลงอย่างรุนแรง เนื่องจากบริษัทได้มีการลงทุนในตราสารหนี้ผสมอยู่ด้วย

“ในช่วงนี้บริษัทจะมีการเน้นออกกองทุนตราสารหนี้เยอะขึ้น ซึ่งดูจากผลการดำเนินงานกองทุนตราสารหนี้ที่ผ่านมาก็ไม่แย่นัก ส่วนกองทุนประเภทหุ้น ได้มองสถานการณ์ต่างๆ ตามเนื้อผ้า และได้มีการลดพอร์ตการลงทุนมาก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนหุ้นบริษัทจะเลือกลงทุนในหุ้นที่ดี และพิจารณาอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบต่อลูกค้าในกลุ่มนี้”

สำหรับในปี 2549 บริษัทมีแผนจะออกกองทุนทั้งสิ้น 12 กองทุน โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งออกไปแล้วจำนวน 4 กองทุน ล้วนเป็นกองทุนประเภทตราสารหนี้ และยิ่งในช่วงไตรมาสที่ 4 คาดว่าจะออกกองทุนตราสารหนี้ที่มีระยะยาวมากขึ้น เพื่อปรับให้เข้ากับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่สูง

“ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเราเร่งออกกองทุนไปบางส่วนแล้ว เพราะมองสถานการณ์ทั้งตลาดหุ้น และทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอยู่ในช่วงขาขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการนักลงทุน”

สำหรับกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารของบลจ.บีที ในปัจจุบันมีอยู่ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทย LTF หุ้นระยะยาว (T-LTF70) มูลค่าโครงการ 5,000 บาท อายุ 5 ปี มีนโยบายการลงทุนในหุ้นโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 และไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพมีสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นสูง และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง และ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2549 มีมูลทรัพย์สินสุทธิ 28,033,208.11 บาท มูลค่าหน่วยลงทุน 10.7530 บาท

กองทุนเปิดไทย LTF ดับเบิลเซเล็คทีฟหุ้นระยะยาว (TDS-LTF) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท มีการลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ หรือเป็นธุรกิจ อุตสาหกรรม ที่ได้รับการสนับสนุนหรือมีโอกาสได้รับผลดีจากนโยบายของรัฐบาล ที่มีศักยภาพในการเติบโตสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.อนุญาตหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้

ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อแสดงหาผลตอบแทน แต่กองทุนอาจพิจารณาลงทุนหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง และไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล และ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2549 มีมูลทรัพย์สินสุทธิ 12,608,319.33 บาท มูลค่าหน่วยลงทุน 11.1187 บาท

ส่วน กองทุนรวมไทยทาร์เก็ต (T-TARGET) มีเงินทุนโครงการ 2,000 ล้านบาท มีเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นที่ลงทุนในช่วงจัดตั้งกองทุนที่ได้รับผลกระทบน้อยจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น กลุ่มพลังงาน หรือได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ หรือค่าเงินบาทที่อ่อนลง เช่น กลุ่มส่งออก และได้รับผลดีจากนโยบายของรัฐบาล เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่(Mega Project)ของรัฐบาล

ทั้งนี้ จะเลิกกองทุนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 12 บาท เป็นเวลา 5 วันทำการติดต่อกัน หรือเมื่อมีอายุครบ 18 เดือน นับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทุนทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดก่อน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.