|
Iconoclasts : 6 คู่ กับ 12 มุม แห่งชีวิตและแรงบันดาลใจ
โดย
มานิตา เข็มทอง
นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วถึงปัจจุบัน ผู้เขียนมีโอกาสได้ชมรายการโทรทัศน์ที่มีสาระดีรายการหนึ่ง ชื่อว่า "Iconoclasts" เป็นซีรี่ส์มีด้วยกันทั้งหมด 6 ตอน ฉายทางช่อง Sundance ซึ่งเป็นช่องภาพยนตร์อิสระของดาราดัง Robert Redford
"Iconoclasts" เป็นการเสาะหาจุดที่ผู้ที่มีพรสวรรค์สองคนโคจรมาพบกัน และที่ นั่นเองเป็นที่ที่ความสามารถในการสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ๆ กลายเป็นสิ่งที่มีชีวิตชีวา" เป็นข้อความจาก Robert Redford ผู้ก่อตั้ง Sundance ที่กล่าวถึงซีรี่ส์ "Iconoclasts" ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา งานนี้เขารับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการผลิต และเป็นการร่วมมือกันระหว่าง Sundance Channel และ Grey Goose Entertainment โดย Iconoclasts เป็นเรื่องราวของ 12 ผู้นำจากสายอาชีพที่แตกต่างกันที่ถูกขนานนามว่าเป็น "ICONOCLASTS" ซึ่งหมายถึงเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งจินตนาการที่เป็นเลิศการปฏิรูปภูมิทัศน์ เป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งจินตนาการ ที่เป็นเลิศการปฏิรูปภูมิทัศน์ทางด้านวัฒนธรรม ทั้ง 12 คน จับคู่เป็น 6 คู่ ทำหน้าที่แลกเปลี่ยน เล่าเรื่องในทุกแง่มุมของกันและกัน ตั้งแต่ชีวิตการทำงาน ความเป็นอยู่ และความสนใจ ต่างๆ ในรูปแบบของสารคดีที่นำไปสู่การแบ่งปันประสบการณ์แห่งการสร้างสรรค์ของพวกเขา ที่เริ่มมาจากแรงบันดาลใจจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง ทวนกระแสตั้งแต่โลกของศิลปะ การแสดง การกีฬา การเมือง และแฟชั่น ซึ่งเป็นบทสนทนาเกี่ยวกับขบวนการปฏิวัติทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นจากพวกเขา... เริ่มต้นจาก... Robert Redford และ Paul Newman สองดาราดังที่เป็นทั้งผู้รับและผู้ให้...
Robert Redford ล้มและลุกอยู่ในวงการบันเทิงมานานกว่า 40 ปี วันนี้เขากลาย เป็นวีรบุรุษของวงการภาพยนตร์...แต่มีน้อยคนนักที่จะทราบว่า เขาเป็นนักอนุรักษนิยมและนักสิ่งแวดล้อมตัวยง เขายึดมั่นในภาระหน้าที่ที่มีต่อสังคม และการมีส่วนร่วมทาง การเมือง โดยใช้บทบาทของนักแสดงและนักธุรกิจในการสนับสนุนผลิตภาพยนตร์ที่มีแก่นสารสาระเกี่ยวโยงเข้ากับสังคมและวัฒนธรรม ขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้ผู้อื่นแสดงความคิดหรือความรู้สึกผ่านงานศิลปะบันเทิงแบบสร้างสรรค์
Redford เกิดที่ Santa Monica ใน California แหล่งบันเทิงในวัยเด็กคือ ห้องสมุด สาธารณะ วิทยุ และโรงหนังข้างบ้าน เมื่อเขา เข้าเรียนใน University of Colorado เขาดรอปจากมหาวิทยาลัย และไปเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศิลปะ Ecole des Beaux Arts ใน Paris เขารักงานวาดรูปมาก ซึ่งเขาได้รับอิทธิพลมาจากการ์ตูนในวัยเด็ก เขากล่าวว่า "...ขณะที่คุณวาดรูป คุณคือตัวคุณเอง... ตัดสินใจทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณคนเดียวเท่านั้น"
หลังจากกลับมาจาก Paris เขาเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนสอนศิลปะใน Brooklyn และโรงเรียนสอนการแสดง The American Academy of Dramatic Arts ซึ่งเป็นที่ที่แวว การเป็นนักแสดงเริ่มออก เขาเริ่มงานแสดงจากละคร Broadway จากนั้นก็ก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ โดยเรื่องแรกคือ War Hunt เขาร่วมแสดงในอีกหลายเรื่อง ขณะเดียวกันเขาก็กำกับภาพยนตร์เองด้วย จนในปี 1981 เขาได้รับรางวัลอะคาเดมี่สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมจากผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่อง Ordinary People
Redford ไม่ใช่เพียงแค่นักแสดงหรือผู้กำกับเท่านั้น แต่เขาเป็นผู้สร้างผู้ที่มีพรสวรรค์รุ่นใหม่ๆ ให้มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่พวกเขารักและแสวงหา ...หลังจากประสบ ความสำเร็จจากภาพยนตร์เรื่อง Butch Cassidy and the Sundance Kid ที่เขาแสดงนำร่วมกับ Paul Newman เป็นเรื่องแรก ในปี 1969 Redford ซื้อที่ดินผืนหนึ่งใน เมือง Sundance รัฐ Utah และปรับให้เป็นฟาร์มและสกีรีสอร์ตชื่อว่า "Sun-dance" อีก 10 ปีต่อมา เขาก่อตั้งสถาบันภาพยนตร์ Sundance ขึ้นในหุบเขาแห่งนี้อันเป็นสถานที่ ที่มีบรรยากาศเต็มไปด้วยจินตนาการให้คนทำหนังที่มีความมุ่งมั่นแสวงหาความสำเร็จ ได้ใช้เป็นที่สำหรับสร้างแรงบันดาลใจ พัฒนา การตกผลึกทางความคิดในการเขียนบท ฝึกซ้อม หรือแม้กระทั่งลงมือถ่ายทำเลยที่นั่น และเป็นสถานที่จัดงาน "Sundance Film Festival" ของทุกปี
จากการทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสนับสนุนพัฒนาวงการภาพยนตร์ของอเมริกา ในปี 1996 เขาได้รับรางวัล "Screen Actors Guild Awards" ตลอดชีพ และอีก 6 ปีถัดมาเขาได้รับรางวัลกิตติมศักดิ์แห่งชีวิต "Honorary Academy Award" ในฐานะนักแสดง ผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง และผู้ให้กำเนิดสถาบัน Sundance รวมทั้งเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่บรรดาคนทำหนังที่มีความเชื่อมั่นในตนเองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่จากทุกที่
วันนี้ Sundance Institution ถือเป็นส่วนสำคัญส่วนใหญ่ในชีวิตของชายชื่อ Robert Redford ผู้ที่เชื่อมั่นในการสร้างภาพยนตร์ที่ทำด้วยใจและจิตวิญญาณ แม้จะ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในอุตสาหกรรมนี้ "ธุรกิจมาเป็นอันดับหนึ่ง ศิลปะมาที่สอง งานศิลป์จะได้รับการยอมรับก็ต่อเมื่อสามารถขายได้ ซึ่งการที่จะทำให้งานศิลป์ชิ้นเอกขายได้นั้นจะต้องทำงานหนักเป็นสองเท่า ในการควบคุม ต้นทุนให้ต่ำที่สุดควบคู่กับความพึงพอใจของทุกฝ่าย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คุ้มเกินค่า นั่นคือ ความภาคภูมิใจ..."
สำหรับ Paul Newman เจ้าของเอกลักษณ์นัยน์ตาสีฟ้า ถูกยกย่องให้เป็นปูชนีย-บุคคลของวงการภาพยนตร์อีกคนหนึ่ง ในช่วงเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา เขามีผลงานภาพยนตร์ที่ร่วมแสดง กำกับ และอำนวยการ สร้างมากกว่า 70 เรื่องด้วยกัน...วันนี้เขาเป็นมากกว่าดาราดังอมตะ...เขาเป็นเหมือนพ่อพระของผู้ด้อยโอกาสทั่วโลก
Paul Newman เป็นลูกชายเจ้าของร้านขายเครื่องกีฬาชื่อดังในเมืองที่ชื่อว่า Shaker Heights ใน Ohio เขาฉายแววความเป็นนักแสดงมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาร่วมแสดงในงานละครเวทีของโรงเรียนหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยคิดว่า จะยึดเป็นอาชีพจริงจัง เพราะเขามีความฝันที่จะเป็นนักบิน หลังจากจบมัธยม เขาก็เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียน ฝึกบินนายเรืออากาศ แต่ฝันของเขาต้องสลายไปเมื่อค้นพบว่า ตัวเองนั้นตาบอดสี เขาจึงเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนนายเรือ และเป็น ทหารเรือร่วมปฏิบัติหน้าที่ในสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากหมดภาระหน้าที่ เขากลับ มาศึกษาต่อที่ Kenyon College ใน Ohio ทางด้านวรรณคดี ศิลปะการแสดง และเป็นนักฟุตบอลของมหาวิทยาลัย จากนั้นเขาเข้าเรียนต่อด้านการแสดงที่ Yale Drama School แต่ย้ายกลางเทอมไปที่ The New York Actors Studio และที่นี่เองที่อนาคตทางการแสดงของเขาเริ่มเปิดฉาก...
จากงาน Broadway เรื่องแรกของเขาคือ Picnic ในปี 1953 จากนั้นปีถัดเขาได้รับทาบทามให้แสดงในภาพยนตร์เรื่องแรกและเกือบเป็นเรื่องสุดท้ายคือ The Silver Chalice ซึ่งไม่ได้รับความสำเร็จเท่าที่ควร แต่อีกสองปีถัดมา เขาแสดงเป็นนักมวยชื่อดัง Rocky Graziano ในเรื่อง Somebody Up There Likes Me ได้รับการตอบรับที่ดี จากนั้นโลกแห่งมายาก็เปิดต้อนรับนักแสดงดาวรุ่ง Paul Newman เขาได้รับเสนอชื่อเข้ารับรางวัลต่างๆ นับครั้งไม่ถ้วน ในปี 1986 เขาได้รับรางวัลออสก้ากิตติมศักดิ์
ชีวิตส่วนตัวของ Newman อุทิศให้ 2 สิ่งด้วยกันคือ การกุศล และการแข่งรถ ใน ช่วงปี 1980 เปิดตัวผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ภายใต้แบรนด์ของเขาเองที่ชื่อว่า "Newman's Own" ประกอบด้วย น้ำสลัด ซอสสปาเกตตี้ คุกกี้ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ทำมาจากวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ไม่มีสารปรุงแต่งเจือปนและที่สำคัญที่สุดคือ เขาบริจาคกำไรทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จาก "New-man's Own" ให้แก่องค์กรการกุศลต่างๆ ทั่วอเมริกา และอีกหลายแห่งในต่างประเทศ
นอกจากนี้ในปี 1988 เขาก่อตั้งสมาคม "Hole in the Wall Camps" ซึ่งเป็นค่ายฤดูร้อนสำหรับเด็กที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง เอดส์ เป็นต้น ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 ค่าย โดย 5 ค่ายตั้งอยู่ในอเมริกา และอีก 3 ค่ายอยู่ในไอร์แลนด์ อังกฤษ และฝรั่งเศส ในแต่ละปีจะมีเด็กผู้ป่วยมาร่วมเข้าค่ายไม่ต่ำกว่า หมื่นคน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แม้ว่าสมาคมนี้จะได้รับการสนับสนุนจาก Newman ส่วนหนึ่ง แต่ค่ายแต่ละแห่งมีการบริหารงานที่เป็นอิสระของตนเองและพร้อมรับการสนับสนุนจากผู้ใจบุญที่จะร่วมบริจาคสมทบทุน เพื่อสร้างความสุขให้แก่เด็กๆ ที่ต้องเผชิญกับโรคร้าย อย่างไรก็ดีในช่วงกว่า 20 ปี ที่ผ่านมา เขาบริจาคไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ
กลับมาที่เรื่องของการแสดง Newman เคยแย้มๆ ว่า เขาต้องการร่วมงานกับ Redford อีกครั้งก่อนที่เขาจะลาวงการจริงๆ ซึ่งเท่ากับว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 3 ที่ทั้งสองร่วมแสดง หากทว่ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เขายังกล่าวติดตลกอีกว่า "จะให้เล่นบทไหนก็ได้ แต่บทที่จะไม่ขอเล่นคือ แสดงเป็นพ่อของ Redford"
ต้องรอลุ้นกันว่า ในเร็วๆ นี้ เราจะมีโอกาสได้เห็นผลงานที่ทั้ง Robert Redford กับ Paul Newman กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งหรือไม่... Iconoclasts จะเป็นเพียงแค่การเรียกน้ำย่อย หรือจะเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เห็นเขาทั้งสองทำร่วมกัน...
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|