8 ยุทธศาสตร์แบงก์กสิกรไทย


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2543)



กลับสู่หน้าหลัก

"เราต้องรู้จักใช้ฝรั่ง ไม่ใช่ให้มาเป็นนาย"

24 ตุลาคม 2543 ที่ห้องจินดาธร ชั้น 8 อาคารสำนักงานใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย บัณฑูร ล่ำซำ ถือฤกษ์ในเวลา 15.59 น. ประกาศ"8 โปรแกรมยุทธศาสตร์ เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว" ที่ธนาคารกสิกรไทยจะนำมาใช้ในช่วงหลังจากนี้

"ยุทธศาสตร์ทั้ง 8 ประการ จะไม่เห็นผลในทันที แต่จะค่อยๆ เริ่มแสดงศักยภาพออกมาในอีก 1-2 ปีข้างหน้า"กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ระบุ

8 โปรแกรมยุทธศาสตร์ดังกล่าว เป็นการเตรียมพร้อมรับกับการแข่งขันของวงการธนาคารพาณิชย์ ที่คาดว่าจะเข้มข้นขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะการรุกเข้ามาของธนาคารพาณิชย์จากต่างประเทศ ที่มีความได้เปรียบมากกว่า ทั้งฐานเงินทุน และเทคโนโลยี

โปรแกรมยุทธศาสตร์ทั้ง 8 ประการ เป็นไปตามยุทธศาสตร์การจัดการของธนาคารกสิกรไทย โดยก่อนหน้านี้ ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารได้มีการตั้งโจทย์ใหญ่ขึ้นมาข้อหนึ่งว่า ธนาคารกสิกรไทย จะจัดการกับตัวเองอย่างไร ให้สามารถแข่งขันได้ภายใต้สภาวะแวดล้อม ที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง

ก่อนการกำหนดโปรแกรมยุทธศาสตร์ ธนาคารกสิกรไทยได้มีการประเมินสภาวะธุรกิจ เพื่อกำหนดทิศทางของยุทธศาสตร์ใหม่

"ประเด็นเชิงกลยุทธ์ ที่เรานำมาคำนึงถึงในการประเมิน คือ วิกฤตทางเศรษฐกิจ และการเงิน ที่กำลังเผชิญอยู่ การเปิดเสรีทางการเงินของทางการ ภาวะการแข่งขันจากธนาคารต่างประเทศ การลดลงของส่วนต่างดอกเบี้ย และทางเลือกของลูกค้า ที่มีมากขึ้น"บัณฑูรอธิบาย

จากการประเมิน ได้มีการสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ขึ้นมาว่าธนาคารกสิกรไทย จะยืนยันการเป็นธนาคารพาณิชย์ของคนไทย โดยมีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกินกว่า 51% และการบริหารจะอยู่ในมือของคนไทยเป็นส่วนใหญ่

"เป้าหมายของเราต้องการจะเป็นธนาคารของคนไทย ที่สามารถแข่งขันได้ในมาตรฐานสากล บนปรัชญา ที่ว่าประเทศนี้ น่าจะมีธนาคารของคนไทยเหลืออยู่บ้าง"

บทสรุปของโปรแกรมยุทธศาสตร์ทั้ง 8 ประการ ธนาคารกสิกรไทยจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เพื่อให้การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ประสบความสำเร็จ

โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างด้านกำลังคน

ยุทธศาสตร์ทั้ง 8 ประกอบด้วย

1. ปรับโครงสร้างการปฏิบัติการ เป็นการรวมศูนย์งานด้านเอกสาร ระบบบัญชี จากเดิม ที่กระจายอยู่ตามสาขา ให้มาอยู่ ที่เดียวกันคือ ที่สำนักงานใหญ่

ส่วนบทบาทของสาขาในช่วงหลังจากนี้ไป จะเป็นเพียงจุดให้บริการการขายเท่านั้น

2. ปรับโครงสร้างสายงานเครดิต โดยการยกเครื่องแนวคิด และแนวทางในการปล่อยสินเชื่อใหม่ สร้างวัฒนธรรมเครดิต(Cradit Culture) ให้เกิดขึ้น โดยในการพิจารณาให้สินเชื่อหลังจากนี้ จะต้องพิจารณาจากความเป็นไปได้ของโครงการ กระแสเงินสด และพฤติกรรมของคนกู้เป็นหลัก

ตัดตัวแปรในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้กู้กับลูกค้าออกไปจากกระบวนการพิจารณาสินเชื่อทั้งหมด

"ธนาคารพาณิชย์ไทยในอดีต ทำแบบกึ่งๆ โรงรับจำนำ ใครมีหลักประกันก็ให้กู้ ซึ่งหลังจากนี้จะทำแค่นี้ไม่ได้"

3. พัฒนาการธุรกิจ เพื่อเพิ่มค่าธรรมเนียม เพิ่มช่องทางรายได้ให้มากขึ้น นอกเหนือจากส่วนต่างดอกเบี้ย โดยจะเน้นค่าธรรมเนียมจากการเปิด L/C เพราะทิศทางธุรกิจของไทยหลังจากนี้ จะต้องเน้นรายได้จากการส่งออก

4. พัฒนาระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า จะต้องหาทางทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดีตั้งแต่แรก และมีต่อเนื่องไปตลอดกระบวนการที่เขาเข้ามาสัมผัสกับธนาคาร และเมื่อจบสิ้นธุรกรรมแต่ละครั้งแล้ว เขาจะต้องกลับมาเป็นลูกค้าของแบงก์กสิกรไทยอีก

5. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องมีการสร้างสถาปัตยกรรม และแผนงานการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้สามารถเอื้อประโยชน์กับงานของธนาคารให้ได้มากที่สุด

"ปัญหานี้ เปรียบเสมือนคอขวด คือ เมื่อทุกกระบวนการทำมาดีหมดแล้ว แต่มาติดขัดอยู่ ที่ขั้นตอนนี้ ซึ่งหลังจากนี้ เราต้องทุ่มเททรัพยากรทุกอย่าง เพื่อเขียนโปรแกรมการให้บริการให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้"บัณฑูรย้ำว่าประเด็นนี้ แม้จะต้องแก้กันแต่รากเหง้า แต่แบงก์ก็พร้อม ที่จะทุ่มเททั้งเงินทุน สมอง และเวลา เพื่อทำให้สำเร็จ

6. การบริหารเชิงข้อมูล เพื่อเพิ่มผลตอบแทน การดำเนินงานทุกอย่างหลังจากนี้ จะต้องนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยประเมิน วัดผลออกมาเป็นตัวเลข เพื่อนำมาวิเคราะห์ปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น

7. พัฒนาระบบบริหาร และจัดการบุคคลากร ให้พนักงานของธนาคารทุกคน ต้องมีความสามารถ ทักษะ ที่เพรียบพร้อมกับงานของแบงก์ ทั้งทางด้านภาษา และเทคโนโลยี

8. พัฒนาธุรกิจอิเลคทรอนิคส์ โดยการทำงานของธนาคารทุกกระบวนการจากนี้ไป จะต้องสามารถกระทำโดยผ่านช่องทางไซเบอร์สเปซไปพร้อมกันได้ด้วย

โปรแกรมยุทธศาสตร์ทั้ง 8 ประการ จะเริ่มต้นดำเนินการโดยพร้อมเพรียงกัน"แต่ผลของมันจะค่อยๆ โผล่ออกมาให้เห็นทีละชิ้น ไม่เสร็จสมบูรณ์พร้อมกันหมด อย่างแรก ที่จะเห็นเป็นรูปธรรมก่อนอื่น คือ การปรับโครงสร้างการปฏิบัติงาน ที่จะมีผลทันทีในปีหน้า"บัณฑูรย้ำว่าสิ่งที่ประกาศออกมาเป็นสิ่งเรื่องของอนาคต

เขาบอกว่า เพื่อให้โปรแกรมยุทธศาสตร์ทั้ง 8 บรรลุถึงเป้าหมาย สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับธนาคารกสิกรไทยหลังจากนี้ไป คือ จะมีการระดมกำลังคนเข้ามาทำงานมากขึ้น

และงานหลายอย่างที่คนในไม่สามารถทำได้ เพราะต้องอาศัยเทคโนโลยี และความรู้ใหม่ๆ จากต่างประเทศ ก็จำเป็นต้องให้คนต่างชาติ ที่มีความชำนาญเข้ามาช่วย

เขาย้ำว่าขณะนี้ มีชาวต่างประเทศหลายคนที่มีความพร้อม ที่จะเข้ามาเป็นพนักงานประจำ ในตำแหน่งผู้บริหารระสูงให้กับธนาคารกสิกรไทย

ซึ่งหากมีการแต่งตั้งเกิดขึ้น จะถือเป็นครั้งแรก ที่ธนาคารกสิกรไทยมีการแต่งตั้งให้ชาวต่างประเทศ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง

"การเอาความรู้จากต่างชาติมาใช้ในธนาคารกสิกรไทย ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ แต่เราเอาเขาเข้ามา เพื่อให้มาช่วย ไม่ใช่เข้ามาเป็นนาย"

บัณฑูรอธิบาย พร้อมยกตัวอย่างยุทธศาสตร์ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ 5 นำมาใช้ เพื่อปกป้องประเทศให้รอดพ้นจากการล่าอาณานิคมของชาวตะวันตกเมื่อ 100 กว่าปีก่อน โดยการเปิดประเทศ เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรม และแนวคิดของชาวตะวันตก แทนการปิดประเทศ

แบงก์กสิกรไทย ก็จะดำเนินการโดยยึดตามแนวทางนี้เช่นกัน

แม้ว่า 8 มาตรการที่บัณฑูรจะนำมาใช้ในการกอบกู้สถานภาพของธนาคารกสิกรไทย จะต้องใช้เวลายาวนาน ซึ่งเขาก็ยอมรับเองว่าจะต้องมากกว่า 2 ปี จึงจะเห็นผล แต่แนวทางการต่อสู้ เพื่อความอยู่รอดของธนาคาร ที่ยังคงมีสัญชาติไทยเหลืออยู่แห่งนี้ น่าจะเป็นแนวทาง ที่ธนาคารอื่นๆ ควรยึดเป็นแบบอย่าง

และ ที่สำคัญ เป็นแนวทาง ที่ทุกฝ่ายควรต้องเอาใจช่วยด้วยเป็นอย่างยิ่ง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.