“สยามยิปซัม”เจอพิษค่าขนส่งเบนเข็มตั้งรง.ผลิตในเวียดนาม


ผู้จัดการรายสัปดาห์(27 กุมภาพันธ์ 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

สยามยิปซัมโดนพิษสงค่าขนส่ง เบนเข็มตั้งโรงงานผลิตในเวียดนาม หลังราคาน้ำมันพุ่งเท่าตัว เดินหน้าขยายตลาดทั้งในประเทศและส่งออก เพิ่มกำลังในประเทศเป็น 100 ล้านตารางเมตรต่อปี ส่วนในเวียดนามเริ่มเดินเครื่องเดือนก.ค.นี้ ด้วยกำลังการผลิต 10 -15 ล้านตารางเมตร รองรับความต้องการยาว 5 ปี

แม้ว่าปัจจุบันราคาน้ำมันจะค่อนข้างคงที่ แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง ที่โดยรวมแล้วทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 5-10% ขณะที่ค่าขนส่งเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

ทั้งนี้ แนวทางการลดต้นทุนการผลิตคงหนีไม่พ้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต ซึ่งการทำตามแนวทางดังกล่าว นอกจากจะช่วยลดภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแล้ว บางครั้งยังทำให้ต้นทุนการผลิตโดยรวมลดลงด้วย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าขนส่งนั้น การลดค่าใช้จ่าย ทำได้วิธีเดียวคือ การบรรจุสินค้าที่จะจัดส่งให้มากที่สุด รวมถึงไม่ตีรถเปล่ากลับ แต่จะต้องขนส่งสินค้ากลับมาด้วยในเที่ยวขากลับ ซึ่งวิธีดังกล่าว อาจะไม่ได้ช่วยลดค่าขนส่งลงมากนัก เพราะก่อนที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็จะจัดวางสินค้าจนเต็มที่อยู่แล้ว

ในส่วนของบริษัท บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิปซัม (สระบุรี) จำกัด ผู้ผลิตฝ้าเพดานและฝ้าผนังยิปซัม ตราช้าง ก็หนีไม่พ้นภาวะค่าขนส่งเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่แนวทางออกของสยามอุตสาหกรรมยิปซัมฯ คือใช้วิธีการตั้งโรงงานใหม่ให้ใกล้กับสถานที่จัดส่งสินค้า เพื่อลดค่าใช้จ่ายจากการขนส่งที่มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง

โอลิวิเย กีลุย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิปซัม กล่าวว่า “บริษัททำตลาดทั้งในประเทศ และส่งออกไปใน 25 ประเทศทั่วโลก ทั้งเอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรป แต่บางครั้งการส่งออกจากฐานการผลิตในประเทศก็ไม่คุ้มกับรายได้ เพราะการส่งออกในบางประเทศค่าขนส่งแพงกว่าค่าสินค้าอีก”

อาทิ การส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม เสียค่าขนส่งมากกว่าค่าสินค้า ดังนั้น บริษัทจึงได้ขยายการผลิตไปยังประเทศเวียดนาม โดยจะใช้ฐานผลิตที่เวียดนามเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าในเวียดนาม และประเทศใกล้เคียง โดยได้จัดตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ที่โฮจิมินจ์ ซิตี้ประเทศเวียดนาม โดยการร่วมทุนกับพันธมิตรชาวฝรั่งเศส และออสเตรเลีย

โรงงานใหม่เป็นการร่วมทุนกันระหว่าง บริษัท Lafarge ฝรั่งเศส และบริษัท Boral ออสเตรเลีย ถือหุ้นเท่ากัน 50% โดยทั้งสองบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นหลักในบริษัท สยามฯ ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 71% ส่วนที่เหลือ 29% ถือหุ้นโดยเครือซิเมนต์ไทย คาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิต เดือน ก.ค. 2549 มีกำลังการผลิตประมาณ 10 ล้านตารางเมตรต่อปี และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้สูงสุด 15 ล้านตารางเมตรต่อปี

“เวียดนามมีประชากรประมาณ 70-80 ล้านคน แต่อัตราการใช้ยิปซัมบอร์ดมีจำนวนน้อยมาก เฉลี่ยที่ 8 ล้านตารางเมตรต่อปี และคาดว่าตลาดจะมีการเติบโตอีกมาก ดังนั้น บริษัทจึงเข้าไปตั้งโรงงานผลิต เพื่อรองรับกับความต้องการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยกำลงการผลิตเต็มที่ 15 ล้านตารางเมตรจะรองรับความต้องการใช้งานใน 5 ปีข้างหน้า”

สำหรับการดำเนินงานในประเทศ บริษัทได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 100 ล้านตารางเมตรต่อปี จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 75 ล้านตารางเมตรต่อปี แบ่งเป็นกำลังการผลิตจากโรงงานสระบุรี 55 ล้านตารางเมตร โรงงานสงขลา 22 ล้านตารางเมตร ส่วนโรงงานที่นวนคร จ.ปทุมธานีเริ่มเครื่องผลิตอีกครั้ง หลังจากที่หยุดผลิตในช่วงวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยมีกำลังการผลิตราว 20 ล้านตารางเมตร เพื่อรองรับการส่งออกไปยังยุโรปและสหรัฐอเมริกา

สำหรับภาวะตลาดยิปซัมบอร์ดในระยะ2 - 4 ปีก่อนหน้านี้ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของตลาดบ้านจัดสรรและธุรกิจเชิงพาณิชย์ โดยมีการเติบโตประมาณ 20-25% แต่ในช่วง1-2 ที่ผ่านมา การเติบโตเป็นการเติบโตแบบถดถอย โดยในปี2548 ตลาดรวมมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 15% ส่วนในปีนี้ คาดว่าอัตราการเติบโตโดยรวมจะไม่ถึง 10% แบ่งเป็นธุรกิจเชิงพาณิชย์ 5.5% และบ้านจัดสรร 5% เนื่องจากตลาดบ้านจัดสรรชะลอตัว อีกทั้งการก่อสร้างบ้านยังหลังเล็กลงอีกด้วย

โดยในปี 2548 บริษัทมียอดขายรวม 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายยิปซัมบอร์ด 75% และสินค้าอื่น 25% และตั้งเป้ายอดขายปี2549 เติบโตขึ้นประมาณ 10%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.