|

บลิสเทลเล็งจับมือTCLตั้งบริษัทร่วมทุน
ผู้จัดการรายวัน(24 กุมภาพันธ์ 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
บลิส-เทลเล็งจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเปิดทางให้ทีซีแอล คอร์ปเข้ามาถือหุ้น หลังจากกลุ่มผู้ถือหุ้นจากสิงคโปร์ไม่ยอมขาย เหตุเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทที่มีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมาก ส่วนบริษัททีดับบลิวแซดเตรียมเปิดตัวพันธมิตรที่จะเข้ามาเกื้อหนุนธุรกิจในเร็วๆ นี้
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าของบริษัทบลิส-เทล จำกัด(มหาชน)(BLISS)ที่อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท ทีซีแอลคอร์ป (TCL Corp.) ผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่และเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีนที่ต้องการเข้ามาถือหุ้นในบริษัทบลิส-เทล โดยจะเข้ามาซื้อหุ้นในส่วนที่ NETWORK MANAGEMENT SOLUTIONS PTE. LTD. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นจากสิงคโปร์ ถืออยู่ในสัดส่วน 18.26% อย่างไรก็ตามการเจรจาตกลงซื้อขายไม่สามารถที่จะหาข้อสรุปได้ เพราะไม่สามารถตกลงในแง่ของราคาที่จะซื้อจะขายได้
นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นจากสิงคโปร์ก็ไม่ต้องการที่จะขายหุ้นบลิส-เทลที่ถืออยู่ เพราะเห็นว่าบริษัทบลิส-เทลธุรกิจมีแนวโน้มจะขยายตัวได้อีกมาก ดังนั้นถ้าไม่ได้ราคาหุ้นที่จะขายในระดับดี ก็จะไม่ขายออกมาและจะเป็นการถือหุ้นในระยะยาว
อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยและผู้บริหารของบริษัทบลิส-เทลก็พยายามที่จะหาทางออกที่ดีกับทุกฝ่าย ดังนั้นจึงมีแนวความคิดว่าอาจจะเป็นลักษณะของการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา โดยเป็นบริษัทร่วมทุนซึ่งจะมีบริษัทบลิส-เทลเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ร่วมกับบริษัททีซีแอล คอร์ป ซึ่งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวก็จะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้บริษัททีซีแอล คอร์ปสามารถขยายตลาดในประเทศไทยได้ด้วย โดยบริษัทร่วมทุนนี้จะเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าของบริษัททีซีแอล คอร์ปในอนาคต แต่ขณะนี้แนวความคิดดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากอยู่ระหว่างการหารือร่วมกันอยู่
นายพุทธชาติ รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัททีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) (TWZ) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการหาพันธมิตรใหม่ ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนธุรกิจทั้งในแง่ของสินค้า และธุรกิจคอนเท้นท์เพื่อรองรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนภายในเร็วๆ นี้
สำหรับผลประกอบการของปี 2549 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10-20% ซึ่งจะเป็นไปตามอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมสื่สารและโทรคมนาคม ในส่วนของกำไรในปี 2549 น่าจะเป็นไปตามยอดขาย ซึ่งบริษัทยะงมีสินค้าในหลายกลุ่มทั้งในส่วนของสินค้าของแบรนด์เนม เช่นโนเกีย และสินค้าในกลุ่มที่ตรงเป้าหมาย ในส่วนของผลประกอบการปี 2548 คาดว่าจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ประมาณ 3 พันล้านบาท
นายพุทธชาติ กล่าวว่า ส่วนรายได้ของบริษัทที่มาจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส หรือ เอไอเอส นั้น เช่นรายได้จากการให้บริการจดทะเบียน , จากการจำหน่ายบัตรเติมเงิน ซึ่งในส่วนนี้ต้องรอดูนโยบายจากทางเอไอเอสว่าจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายหรือไม่ หากมีการปรับเปลี่ยนรายได้ที่เข้ามาในส่วนนี้จะส่งผลในส่วนของรายได้และกำไรของบริษัทในส่วนของการให้บริการเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามในปีนี้ มองว่าในการแข่งขันในเรื่องของการจำหน่ายหมายเลขใหม่แล้วยังจะมีการแข่งขันในเรื่องของการให้บริการเพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าที่มีอยู่โดยในปีนี้งานบริการลูกค้าจะมีบทบาทเข้ามาค่อนข้างมากขึ้นเพื่อตอบสนอง และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
สำหรับราคาหุ้นวานนี้(23 ก.พ.)หุ้นบริษัทบลิส-เทล ราคาปิดที่ 8.45 บาทเพิ่มขึ้น 0.05 บารทหรือ 0.60% มูลค่าการซื้อขาย 3.36 ล้านบาท ขณะที่หุ้นบริษัททีดับบลิงแซด คอร์ปอเรชั่น ราคาปิดที่ 4.84 บาทเพิ่มขึ้น 0.02 บาทหรือ 0.41% มูลค่าการซื้อขาย 30.36 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|