อสังหาฯรับมือวิกฤติการเมืองเตรียมแผนป้องกันผลกระทบ

อสังหาฯรับมือวิกฤติการเมืองเตรียมแผนป้องกันผลกระทบ

ผู้จัดการรายวัน(24 กุมภาพันธ์ 2549)

กลับสู่หน้าหลัก

บิ๊กมหาดไทยสั่งกรมที่ดินเดินหน้าวันสต็อปเซอร์วิส บริการประชาชนรวดเร็วขึ้น พร้อมเปิดสายรับเรื่องร้องทุกข์ 24 ชั่วโมง ด้านกรมที่ดินผุดไอเดีย ให้เอกชนลงทุนระบบคอมพิวเตอร์จัดเก็บข้อมูลขายต่อ คาดใช้เม็ดเงินกว่า 6,000-7,000 ล้านบาท ด้านผู้ประกอบการชี้อสังหาฯโตต่อเนื่อง 7% แนะเตรียมตัวรับหากการเมืองมีการเปลี่ยนแปลง นายแบงก์ยอมรับเข้มงวดปล่อยกู้

วานนี้ (24 ก.พ.) 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย, สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรและสมาคมอาคารชุดไทยได้จัดงานสัมมนาใหญ่ประจำปีภายใต้หัวข้อ "อสังหาริมทรัพย์ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2006" ณ ห้องบอลรูม โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัลพลาซ่า

พล.อ.อ. คงศักดิ์ วันทนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานเปิดงาน ได้ปาฐกถาเรื่อง "นโยบายและบทบาทของภาครัฐในการจัดสร้างที่อยู่อาศัย และในการส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชน"ว่า ในเดือนมีนาคมนี้กระทรวงมหาดไทยจะกำหนดภาพถ่ายทางอากาศแบ่งแยกที่ดินให้ถูกต้องสมบูรณ์มากขึ้น เพื่อจัดสรรเป็นประเภทของที่ดินได้ถูกต้อง

ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องส่งเสริมให้ธุรกิจอสังหาฯมีความมั่นคงสะดวกสบาย คือ 1.กรมที่ดินจะนำระบบไอทีมาใช้บริการจดทะเบียนการตรวจสอบ การขอรังวัดที่ดินที่รวดเร็ว 2.จะแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยและลดขั้นตอนการดำเนินการ เช่นการโอน การแบ่งโฉนด 3.การรับร้องทุกข์ในการแก้ไขปัญหาตลอด 24 ชั่วโมง การอนุญาตจัดสรร และ4.การแบ่งอำนาจการรับผิดชอบจากส่วนกลางไปสู่ส่วนท้องถิ่นจะทำวันสต็อปเซอร์วิส จาก 26 ขั้นตอนให้เหลือน้อยที่สุด

KTBสนพัฒนาระบบให้กรมที่ดิน

นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีของการแก้กฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อบริการประชาชนให้เร็วขึ้นโดยให้คนนอกเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งสิ่งที่กรมที่ดินต้องรีบดำเนินการคือ
1. การปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย ระเบียบระบบ การจัดการเพื่อให้บริการประชาชนที่สะดวกและเร็วขึ้น ซึ่งกรมที่ดินเป็นหน่วยงานที่อยู่ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

2.การบริการจะต้องมีการกำหนดระยะเวลาเสร็จ ทั้งการโอนมรดก ซึ่งที่ผ่านมาเวิลด์แบงก์ได้จัดลำดับสำนักงานที่ดินที่ให้บริการอย่างรวดเร็ว ซึ่งไทยอยู่อันดับที่ 20 โดยการให้บริการที่กรมที่ดินจะดำเนินการในปีนี้ได้แก่ 1.การจัดระบบคิวด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมดทั่วประเทศ 2.ระบบอีแลนด์ ออฟฟิต เป็นการนำข้อมูลที่มีอยู่บางส่วนไปจัดเก็บในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการถือเอกสารสิทธิ์ ใช้เงินลงทุน 6,000-7,000 ล้านบาท โดยเอกชนจะเป็นผู้ลงทุนและขายข้อมูลให้แก่ผู้ที่ต้องการใช้ข้อมูลในราคายุติธรรม ซึ่งธนาคารกรุงไทย(KTB)ได้แสดงความสนใจโครงการนี้

"ผมต้องการเอาทุกอย่างที่อยู่ใต้โต๊ะขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ การทำธุรกรรมอะไร ค่าบริการเท่าใดก็ว่ากันไปราคาเดียวกันไปเลย ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง ได้ไล่พนักงานที่ปฏิบัติงานไม่สุจริตออกไปหลายคน ผมต้องการฉีดน้ำล้างกรมที่ดิน เพื่อให้ทำงานอย่างโปร่งใส " นายพีรพลกล่าว

ผู้ประกอบการระบุอสังหาฯโตต่อเนื่อง แนะเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง

ด้านนางวรรณา ตัณฑเกษม ประธานสภาที่อยู่อาศัยไทย กล่าวว่า ภาวะอสังหาฯยังไม่ถดถอยและไม่เลวร้ายแต่ไม่เติบโตอย่างฟู่ฟ่า เพราะต่างชาติยังเข้าลงทุนจำนวนมาก อาทิ สิงคโปร์เข้ามาทั้งนามของรัฐบาลและลงทุนเอง ส่วนบ้านมือสองที่ยังไม่เป็นที่นิยมนั้น เพราะซื้อแล้วเข้าอยู่ยังไม่ได้ต้องมีการปรับปรุงและซ่อมแซม จึงต้องมีบริษัทเข้ามาช่วยซ่อมแซมบ้านขึ้น ส่วนปีนี้บ้านมือสองมีการเติบโตขึ้น เนื่องจากมีมาตรการด้านภาษีมากระตุ้น และมีการจัดงานขายอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการที่พัฒนาในโซนที่มีบ้านมือสองเยอะๆ ควรศึกษาตลาดให้ดี

นายประสงค์ เอาฬาร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรกล่าวว่า ดอกเบี้ยและเงินเฟ้อจะไม่รุนแรงอย่างที่คิด เพราะผ่านมาแล้ว 2 เดือน ไม่มีเวลาขึ้นดอกเบี้ย เพราะจะเปิดสภาในเดือนมีนาคม ขณะที่ภาคธุรกิจพยายามขายของแบบไม่กล้าขึ้นราคาทำไปดูไป ชะลอดูสถานการณ์ไปทำให้เบรกเรื่องเงินเฟ้อไปได้ ปีนี้ทั้งปีคาดว่าระดับราคาบ้านที่ขายในตลาดจะไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งระดับราคาดังกล่าวมีส่วนแบ่งในตลาดรวม 60-70% เป็นบ้านเดี่ยวไม่เกิน 30% ส่วนทาวน์เฮาส์ และคอนโดฯ 70% ซึ่งคอนโดฯจะมากกว่า โดยเฉพาะคอนโดราคาไม่เกิน 1 ล้านบวก-ลบ ยังมีการเติบโตไปได้อีกนาน โดยในปีนี้คาดว่า อสังหาฯจะมีการเติบโตประมาณ 7% หากนับจากจำนวนยูนิต

นายสมเชาว์ ตัณฑเทอดธรรม นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า การทำธุรกิจอสังหาฯ นั้นจะต้องมีการสำรวจ ศึกษา วิจัยข้อมูลทางการตลาดอย่างละเอียด รวมถึงการแข่งขันที่จะมีขึ้นในอนาคตระหว่างที่พัฒนาโครงการด้วย ซึ่งไทยเองมีศูนย์ข้อมูลวึ่งจะสามารถให้ข้อมูลกลางได้ แต่ที่ผ่านมาไม่ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนในการส่งข้อมูล โดยให้เหตุผลว่ากลัวคู่แข่งรู้ความลับ ทำให้ข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูลได้รับมีน้อยมาก

นายอธิป พีชานนท์ นกยกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ตลาดอาคารสำนักงานยังคงเป็นตลาดที่ดีต่อเนื่อง เพราะมีสินค้าเข้าสู่ตลาดน้อย ทำให้พื้นที่ว่างมีเพียง 14% เท่านั้น ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีพื้นที่เข้าสู่ตลาดอีก 300,000 ตร.ม. วึ่งเท่ากับความต้องการพอดี ส่วนคอนโดฯ ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี แต่ต้องแยกเป็นเซกเตอร์ โดยระดับราคาต่ำกว่า 40,000 บาท/ตร.ม. เป็นที่นิยมของตลาดมาก หากในเขตกลางเมืองราคา 60,000 บาท/ตร.ม. อย่างไรก็ตามจะต้องพิจารณาปัจจัยลบอื่นๆด้วย โดยเฉพาะปัญหาการเมืองในปัจจุบัน ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือและสามารถแก้ปัญหาได้

แบงก์แนะศึกษาโครงการละเอียดก่อนขอกู้

นางลดาวัลย์ ธนะธนิต ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ปัจจุบันแหล่งเงินทุนของธุรกิจอสังหาฯ มาจาก 3 แหล่งหลักๆ คือ การออกหุ้นกู้, ธนาคารพาณิชย์ และพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ ส่วนที่กำลังเป็นกระแสมาแรงคือการหาผู้ร่วมทุนจากต่างประเทศเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงิน

ทั้งนี้ ในแง่การปล่อยสินเชื่อของธุรกิจอสังหาฯ ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการรวดเร็วขึ้น ทั้งในส่วนของการปล่อยกู้โครงการและสินเชื่อรายย่อย โดยปัจจุบันมูลค่าสินเชื่อผู้ประกอบการอสังหาฯคงค้างทั่วประเทศมีจำนวน 1.9 แสนล้านบาท และปล่อยใหม่ถึงไตรมาส 4/2548 อยู่ที่ 9.5 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปี 2547 ที่มีมูลค่ากว่า10,000ล้านบาท ซึ่งในส่วนธนาคารกรุงเทพมีสัดส่วนการปล่อยกู้คิดเป็น 12-14% โดยมีธปท.ควบคุมเรื่องการบริหารความเสี่ยง ซึ่งจะให้น้ำหนักการปล่อยกู้ลูกค้ารายเดิม ส่วนรายใหญ่นั้นอาจจะชะลอออกไปหรือมีการเข้มงวดการปล่อยกู้มากขึ้น

"เท่าที่มองเห็นการปล่อยสินเชื่อของทุกสถาบัการเงินในเวลานี้ อยากได้ลูกค้าขนาดกลาง-เล็กเป็นฐานมากกว่าลูกค้าขนาดใหญ่ เพราะอสังหาฯ เป็นสิ่งที่ผูกขาดไม่ได้ ดังนั้น เราจะต้องทำให้ธุรกิจนี้ไม่ผูกขาด เพราะจะกระทบกับผู้บริโภคได้ จำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องรู้จักการบริหารจัดการ ส่วนทำเลที่ตั้งก็ยังเป็นหัวใจที่แบงก์ยึดเช่นกัน และสินค้าจะต้องสัมพันธ์กับพฤติกรรมของผู้บริโภคในทำเลนั้นๆ"

กลับสู่หน้าหลัก

ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย