สุกี้…อาหารธรรมดา ๆ ที่ได้รับการตกแต่งจนเข้าขั้นระดับภัตตาคาร โดยค่ายโคคาเจ้าแรกที่เปิดดำเนินการในประเทศ
และขยายต่อไปสู่ตลาดต่างประเทศและล่าสุดกับ "โคคา เอ็กซเพรส" ที่ให้คนไทยได้อิ่มอร่อยกับสุกี้อย่างรวดเร็วทันใจและแตกต่างไปจากบรรยากาศเดิม
ๆ
ถ้าจะถามว่ายามนี้ธุรกิจอะไรที่ยังอยู่ได้ก็คงไม่พ้นร้านอาหารเพราะผู้คนยังต้องกินอยู่
ของใช้อื่น ๆ ยังชะลอการซื้อไปได ้แต่ของกินนี้หิวเมื่อไรก็ต้องได้กินมิฉะนั้นก็อยู่ไม่ได้
สุกี้เป็นอาหารอีกประเภทหนึ่งที่ยังได้รับความนิยมมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันไม่เสื่อมคลาย
แม้จะมีอาหารสัญชาติตะวันตกเข้ามาตีตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะมาในลักษณะภัตตาคารร้านค้าหรือช็อปฟาสต์ฟูดส์ทั้งหลายแหล่
ด้วยความที่เป็นอาหารของคนตะวันออกด้วยกันเองโดยมีต้นกำเนิดมาจากทางตอนเหนือประเทศจีน
และเมื่อเข้ามาในไทยก็ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เข้ากันสไตล์คนไทยจนคุ้นลิ้น
และอาจเรียกได้ว่ากลายเป็นอาหารประจำชาติอีกอย่างหนึ่ง และเมื่อ "โคคา"
ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่แนะนำอาหารประเภทนี้สู่ภาคพื้นเอเชีย ก็เป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวต่างชาติว่า
"Thai Suki"
จากรุ่นแรกสู่รุ่นลูก
โคคา ถือเป็นเจ้าแรกที่เปิดตัวอาหารประเภทสุกี้ในประเทศไทยเมื่อ 40 ปีที่แล้ว
และยังเป็นหัวหอกสำคัญที่นำสุกี้ไปเผยแพร่ยังต่างประเทศ จากคนรุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูกปัจจุบันโคคาใช้ชื่อเป็นทางการว่าบริษัทโคคา
โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล ภายใต้การดูแลของพิทยา พันธุ์เพ็ญโสภณ กรรมการผู้จัดการ
ถือได้ว่าโคคา ยังครองความนิยมในหมู่คนไทยได้ในระดับต้น ๆ ในตลาดอาหารประเภทสุกี้ที่มีมูลค่ารวมประมาณ
2,000 ล้านบาท แม้ว่าในขณะนี้จะมีคู่แข่งขันอยู่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็น เอ็มเคสุกี้
หรืออินเตอร์ สุกี้
ความโดดเด่นของอาหารประเภทสุกี้นั้นมีเพียงความสดใหม่สะอาดของอาหาร รสชาติของน้ำจิ้ม
และการบริการ
เรื่องของคุณภาพอาหารขณะนี้ถือว่าไล่ตามกันทันแล้ว ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสดใหม่
ความสะอาดส่วนการบริการนั้นก็ขึ้นกับการฝึกอบรมพนักงานซึ่งสามารถฝึกกันได้ไม่ยากนัก
แต่สิ่งที่ทำให้ร้านสุกี้แต่ละค่ายมีความแตกต่างกันเห็นจะเป็นรสชาติของน้ำจิ้ม
ซึ่งแต่ละค่ายก็มีสูตรปรุงของตนเองที่เป็นสิ่งดึงดูดใจลูกค้าทั้งหลาย ในเรื่องนี้สุกี้โคคาก็ถือว่าเป็นหนึ่งกับเขาเหมือนกัน
ด้วยแนวคิดที่ว่าน้ำจิ้มจะต้องมีรสจัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อเรียกน้ำย่อย
เนื่องจากสุกี้เป็นอาหารที่มีทั้งเนื้อสัตว์, อาหารทะเล และผักต่าง ๆ น้ำจิ้มจึงต้องสามารถไปได้กับอาหารทั้งหลาย
และแม้เจ้าของจะบอกว่าได้มีการพยายามลอกเลียนแบบ แต่น้ำจิ้มของโคคาก็ยังคงเป็นสูตรลับเฉพาะ
"แม้จะมีร้านอื่นพยายามเลียนแบบก็ตาม แต่จะมีผู้คนกล่าวว่า น้ำจิ้มของโคคารสชาติจะกลมกล่อม
รสไม่จัดจนกลบเกลื่อนรสชาติความสดของอาหาร"
โคคาเริ่มดำเนินการด้วยคอนเซ็ปต์ราคามาตรฐานจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้มีวิธีการเสิร์ฟอาหารแยกเป็นจานเล็กจานน้อย
แทนการเสิร์ฟสุกี้ที่เป็นหม้อรวมที่ใส่สวนผสมทุกอย่างไว้แล้วเหมือนในอดีต
เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกสั่งได้ตามชอบใจ
นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนาอีกประการที่ทำให้เป็นที่แพร่หลายในปัจจุบันคือ
การติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องอาหารเพื่อควบคุมอุณหภูมิให้เย็นสบายอยู่ตลอดเวลา
เนื่องจากประเทศไทยมีภูมิอากาศที่ค่อนข้างร้อนไม่ค่อยสะดวกต่อการรับประทานสุกี้นัก
ขยายต่อเนื่องทั้งภัตตาคารและตัวใหม่ "โคคา เอ็กซเพรส"
จากอดีตจนถึงปัจจุบันนี้โคคาไม่ได้เป็นเพียงร้านสุกี้ที่อยู่ในเมืองไทยเท่านั้น
แต่ยังได้ขยายไปสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยไม่ว่าจะเป็น
สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไต้หวัน และออสเตรเลีย โดยมีสาขาอยู่ในต่างประเทศ
27 สาขา และปีหน้าจะขยายไปยังตลาด ในแถบยุโรปโดยเริ่มที่ประเทศอังกฤษเป็นแห่งแรก
ส่วนสาขาในประเทศที่เป็นโคคาภัตตาคารมีทั้งหมด 11 สาขากับอีก 1 สาขาที่เป็น
"โคคา เอ็กซเพรส" ที่อาคารเมเปิ้ล เพรสซิเด้นท์ พาร์ค สุขุมวิท
24 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยการนำโคคา เอ็กซเพรสมาเปิดนั้น ถือเป็นการพยายามพัฒนารูปแบบการนำเสนอแบบใหม่
ๆ หลังจากที่มีการสำรวจความนิยมของลูกค้า ซึ่งเริ่มจะเบื่อกับรูปแบบของร้านสุกี้เดิม
ๆ ที่มีพนักงานมาคอยเสิร์ฟคอยเฝ้าดูจนบางครั้งเกิดความอึดอัดกังวล และพาลให้รู้สึกรำคาญไม่เป็นส่วนตัว
เพราะปกติการเข้าร้านสุกี้จะไปเป็นหมู่คณะไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนฝูง
ด้วยเข้าใจในความต้องการของลูกค้าจึงเกิดแนวคิดที่ให้ลูกค้าได้บริการตนเอง
เพื่อขจัดปัญหาที่จะมีพนักงานเข้ามาวุ่นวายระหว่างกิจกรรมรับประทาน การเปิดร้านสุกี้ในลักษณะบุฟเฟต์จึงเกิดขึ้น
น่าสังเกตว่าคอนเซ็ปต์ดังกล่าวน่าจะได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งหลาย เพราะการมีพนักงานเสิร์ฟสำหรับร้านสุกี้นั้น
นอกจากจะทำให้ไม่เป็นส่วนตัวแล้ว ขั้นตอนการสั่งอาหารและรออาหารที่จะส่งค่อนข้างช้าไม่ทันต่อกิจกรรมการกินที่ต้องการความต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงที่มีลูกค้ามาก
ๆ ซึ่งลูกค้าหลายรายบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่ามีอาหารอยู่ที่เคาเตอร์แต่สั่งไปแล้วยังไม่ได้
ซึ่งสร้างความหงุดหงิดให้กับหลาย ๆ คน
ดังนั้นการที่ให้ลูกค้าบริการตนเองเช่นนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่ดีเพราะลูกค้าสามารถเดินไปหยิบจากชั้นที่วางอาหารไว้ได้ตลอดเวลา
โดยไม่จำกัดจำนวนอาหาร เนื่องจากคิดเป็นรายหัวอยู่แล้ว โดยจ่ายในอัตราผู้ใหญ่หัวละ
157 บาท เด็ก 90 บาท สำหรับมื้อกลางวัน ส่วนมื้อเย็นอัตราผู้ใหญ่ 188 บาทและเด็ก
100 บาท โดยอัตรานี้รวมอาหารของหวานและเครื่องดื่ม ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ เด็กที่มีความสูงต่ำกว่า 70 ซ.ม. ฟรี และมีข้อแม้ว่า สำหรับอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะ
ทางร้านถือว่าผิดกติกาแพ้ฟาวล์ จะคิดกิโลกรัมละ 100 บาท และสิ่งที่ถือว่าสร้างความแปลกใหม่ให้กับการรับประทานสุกี้คือ
เครื่องโอโซนขจัดกลิ่น ที่ทางร้านได้นำมาติดตั้งและจะทำให้ปัญหากลิ่นสุกี้ติดเสื้อผ้าและผม
หลังจากการกินสุกี้หมดไป ทำให้โคคา เอ็กซเพรสสามารถเปิดบริการได้ทั้งมื้อกลางวัน
11.00-14.30 น. และมื้อค่ำ 17.30-22.30 น.
การเปิดตัวโครงการโคคาเอ็กซเพรสอย่างนี้ ทางร้านยืนยันว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการเปิดร้านแบบภัตตาคารลงไปได้ถึง
20-30% ทีเดียว ส่วนหนึ่งมาจากพื้นที่ที่เล็กกว่าเดิมถึง 200 ตารางเมตร นับว่าเป็นความคิดที่เข้ากับยุคประหยัดจริง
ๆ แม้ว่าจะมีการเตรียมงานสำหรับโครงการนี้มาก่อนเหตุการณ์ผันผวนของเศรษฐกิจนานถึง
6-7 เดือนแล้วก็ตาม
บริษัทตั้งเป้าว่าจะพยายามเปิดให้ได้อีก 4-5 แห่งภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะทำรายได้ให้แห่งละ
1 ล้านบาทต่อเดือน ปีหน้าบริษัทตั้งเป้าจะขยายสู่ตลาดฟาสต์ฟูดส์โดยตรงโดยขายเป็นลักษณะแฟรนไชส์
คิดค่าลิขสิทธิ์ในอัตรา 250,000-400,000 บาทต่อระยะเวลา 5 ปี ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับจากตลาดในเวลาที่รวดเร็ว
นอกจากการขยายตัวของบริษัทที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศ และต่างประเทศแล้ว
เมื่อกระทรวงพาณิชย์ประกาศส่งเสริม "การส่งออกธุรกิจภาคบริการ"
หรือ Service trade แล้วก็เหมือนกับโคคาได้ส้มหล่นด้วยเช่นกัน เพราะคงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมากขึ้นในการที่จะขยายตัวไปตลาดต่างประเทศ
เนื่องจากถือเป็นธุรกิจบริการหนึ่งที่ทำรายได้เข้าประเทศ เพราะขณะนี้วัตถุดิบอาหารสดต่าง
ๆ ที่ส่งไปยังร้านสุกี้โคคาในสาขาต่างประเทศนั้นล้วนเป็นการนำเข้าจากประเทศไทยทั้งสิ้น
ดังนั้นยิ่งมีการขยายสาขามากขึ้นเพียงใดย่อมจะนำเงินตรากลับเข้าประเทศมากขึ้นตามไปด้วย
โคคา เอ็กซเพรส ถอดแบบบุคลิกพิทยา
การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของโคคาส่วนหนึ่งน่าจะมีผลมาจากบุคลิกส่วนตัวของพิทยา
ความสามารถในภาษาทั้ง ภาษาไทย อังกฤษ และจีน ทำให้เขาดูกลมกลืนไปกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนรุ่นพ่อแม่และวัฒนธรรมใหม่ได้เป็นอย่างดี
และถึงแม้จะเป็นคนรุ่นใหม่แต่ก็สามารถผสมผสานการทำงานในระบบครอบครัวกับระบบธุรกิจปัจจุบันได้
การขยายตัวของบริษัทโดยคำนึงถึงตลาดเป็นหลัก จึงทำให้สามารถแข่งขันกับธุรกิจปัจจุบันที่มีระบบการทำงานเป็นองค์กรธุรกิจได้อย่างสบาย
และด้วยอัธยาศัยที่รื่นเริงสนุกสนานได้ถ่ายทอดออกมาเป็นรูปแบบของร้านที่ตกแต่งอย่างสมัยใหม่
ใช้สีที่โปร่ง สะอาดตา แต่สดใส รวมถึงดนตรีประกอบบรรยากาศภายในร้านที่คัดเลือกเฉพาะเพลงร่วมสมัยสนุกสนาน
ครื้นเครง ประเภทป๊อป แจ๊ส และซอฟต์ร็อค จึงไม่แปลกถ้าขณะรับประทานจะเห็นพนักงานของร้านยักย้ายส่ายสะโพกไปมาเพราะเกิดอาการมันส์ในอารมณ์
ซึ่งคงเป็นสิ่งที่พิทยาตั้งใจให้เกิดขึ้นเช่นกันเนื่องจากเป็นการตอบรับกับความต้องการของคนรุ่นเขาโดยแท้
ในขณะที่อาหารต่างชาติเดินขบวนเข้ามาในประเทศอย่างไม่ขาดสาย เพราะเข้าใจถึงอุปนิสัยที่เบื่อง่าย
ต้องการความทันสมัยอยู่ตลอดเวลาการมี "โคคา เอ็กซเพรส" อาจจะเป็นอาวุธสำคัญของกองทัพอาหารไทยที่กล้าต่อกรกับอาหารต่างชาติเหล่านั้น
ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีเพราะไม่เพียงแต่จะมีการขยายตัวในประเทศเท่านั้น ตลาดในต่างประเทศก็ถือว่าโคคาไปได้สวยเช่นกัน
ตลาดในเมืองไทยถือว่าเป็นสนามทดสอบที่ดี เพราะต้องทำให้คนไทยที่ได้ชื่อว่าเบื่อง่ายติดใจอยู่ตลอดเวลาได้แต่โคคาก็สามาถทำได้
การออกไปสู้กับตลาดต่างประเทศก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
สิ่งเหล่านี้คงเป็นสิ่งที่พิทยากำลังมองดูด้วยความภูมิใจที่สามารถสานงานจากคนรุ่นเก่าได
้และยังสามารถขยายงานต่อไปได้อย่างดีอีกด้วย