|
สยามอินเตอร์โหมธุรกิจสื่อคาดรายได้ปีนี้ทะลุ700ล้าน
ผู้จัดการรายวัน(20 กุมภาพันธ์ 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
สยามอินเตอร์มัลติมีเดียหรือเอสเอ็มเอ็ม ลุยหนักธุรกิจสื่อ ทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ ล่าสุดซื้อลิขสิทธิ์นิตยสารหัวนอก HealthPlus มาทำตลาด พร้อมกับยอมปิดบางหัวที่ไม่สำเร็จประเดิมนิตยสาร ZAP และมูฟวี่เอ็กซ์ตร้า ยุบไปแล้ว ด้านวิทยุเซ็นสัญญากับทศภาคทำตลาดฟุตบอลโลก หวังปีนี้รายได้รวมทะลุ 700 ล้านบาท เติบโต 10%
นายสุทธิศักดิ์ โล่สวัสดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือเอสเอ็มเอ็ม เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในปีนี้ของบริษัทฯจะหันมาให้ความสำคัญกับสร้างการเติบโตของธุรกิจที่ทำอยู่ แต่ก็จะมีการขยายงานด้วยเช่นกัน จากเดิมที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ขยายธุรกิจออกไปอย่างมากในเชิงปริมาณทุกส่วนของทุกกลุ่มธุรกิจทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ รีเทลร้านหนังสือบุ๊คเฟรนด์
โดยตั้งเป้าหมายรายได้ของบริษัทฯปีนี้ประมาณ 700 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 10% จากรายได้ 650 ล้านบาท และคาดมีการเติบโต 10% ซึ่งรายได้เติบโตจากปี 2547 ที่มีรายได้เพียง 450 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นผลมาจากการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเดิม การขยายงานเพิ่มขึ้นแต่มองในเชิงคุณภาพมากขึ้นกว่าเดิมที่เน้นปริมาณ
สำหรับธุรกิจที่ทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ บริษัทฯก็พิจารณาที่จะยกเลิกไป เช่นที่ผ่านมา สื่อสิ่งพิมพ์ก็มีหลายหัวที่ยุบไปเช่น นิตยสาร ZAP แนวบันเทิง ทำออกมาได้ประมาณ 5-6 ฉบับก็เลิกเพราะไม่สามารถสู้กับนิตยสารหัวเดียวกันได้ หรือนิตยสารมูฟวี่เอ็กซ์ตร้าก็ปิดไปแล้ว ส่วนนิตยสารเส้นทางรวยก็ไปได้ดี ส่วนนิตยสารซุบซิบและเอสตาร์นั้นเป็นของบริษัทอื่นที่บริษัทฯรับหน้าที่ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายให้เท่านั้น
ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯจะมาจาก3 กลุ่มหลักคือ สิ่งพิมพ์ 70% วิทยุประมาณ 25% และอื่นๆ เช่น รายได้จากค่าเช่าสำนักงาน การบริการเอสเอ็มเอส ประมาณ 5% โดยในส่วนของกลุ่มสิ่งพิมพ์นั้น หลักๆยังคงมาจาก การ์ตูนประมาณ 60% พ็อคเก็ตบุ๊ก 30% และนิตยสารประมาณ 10% เจาะแผนรุกทุกลุ่ม
นายสุทธิศักดิ์กล่าวต่อถึงแผนการทำธุรกิจแต่ละกลุ่มว่า ในส่วนของสื่อสิ่งพิมพ์ กลุ่มของหนังสือการ์ตูนจะมีการขยายงานมากขึ้น ซึ่งจะมีการเติบโตไปในระดับเดียวกับตลาดรวม โดยเฉพาะบริษัทฯมีแผนการพยายามสร้างการ์ตูนคาแรคเตอร์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯทำตลาดทั้งของตัวเองและของนอกเครือ อีกทั้งในภาพรวมหลายบริษัทหลายสำนักพิมพ์ก็เริ่มหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาคาแรคเตอร์การ์ตูนของตัวเองมากขึ้นด้วย
“เรามีการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นหลัก เช่น ซีคิด ดีคอมมิคส์ คอสมิคโซน แมคคอส เป็นต้น อย่างไรก็ตามปัญหาหนึ่งของการทำหนังสือการ์ตูนคือ ความไม่ชัดเจนของการพิจารณาว่า หนังสือเรื่องใดเข้าข่ายโป๊หรือไม่โป๊ อยู่ที่ดุลยพินิจและการตีความของคน ทำให้ทำตลาดลำบาก เพราะบางครั้งบริษัทฯไม่รู้ว่า อันไหนจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมทั้งๆที่การ์ตูนเรื่องนันไม่ได้ส่อไปในทางโป๊เลย ซึ่งขอยืนยันว่า ถ้าเป็นการ์ตูนโป๊เราไม่ทำอยู่แล้ว มีบางส่วนที่ไม่แน่ชัด เรามีสต๊อกมากกว่า 10 ล้านบาท ที่ตอนนี้เก็บเอาไว้ก่อน”
ตลาดหนังสือการ์ตูนในประเทศไทยยังโตอีกมากและอำนาจซื้อของผู้บริโภคสำหรับหนังสือการ์ตูนมีสูงไม่จำกัด โดยเฉพาะการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่แทบจะเป็นช่องว่างใหญ่ เพราะมีแต่การ์ตูนเด็กเล็กและเด็กโตไม่เหมือนญี่ปุ่นที่มีการ์ตูนเจาะได้ทุกกลุ่ม
แผนการออกหนังสือการ์ตูนจากนี้ เตรียมที่จะเปิดตัว “สามอริยสงฆ์” ประกอบด้วย หลวงปู่ทวด หลวงปู่มั่น ท่านพุทธทาส เป็นการ์ตูนที่สอนเกี่ยวกับพุทธศาสนา อ่านได้ทุกวัยส่วนกลุ่มพ้อคเก็ตบุ๊คนั้นที่ผ่านมาเติบโตค่อนข้างดี และบริษัทฯเป็นรายใหญ่ที่ทำตลาดด้านพ๊อคเก๊ตบุ๊คจีนอยู่แล้ว ก็จะขยายในกลุ่มอื่นเพิ่มขึ้นด้วย โดยนโยบายตรงนี้จะเน้นทำเรื่องที่เกี่ยวกับกระแส โดยเฉพาะหนังที่ได้รับความนิยม
โดยบริษัทฯจะออกสำรวจตลาดว่า มีภาพยนตร์เรื่องใดบ้างที่สถานีโทรทัศน์ของไทยไปซื้อลิขสิทธิ์ฟรีทีวีมาและเรื่องนั้นได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศนั้นๆ ก็จะพิจารณาซื้อลิขสิทธิ์พ๊อกเก็ตบุ๊คมาทำตลาดในไทย ล่าสุดอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์อีก 3-4 เรื่อง ทั้งหนังจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ที่ออกอากาศในประเทศนั้นและได้รับความนิยมมาแล้ว เป็นแนวโมเดิร์นโดยเล่มล่าสุดคือเรื่อง แดจังกึม ที่ออกมาถึง 4 เล่ม มียอดพิมพ์เล่มละมากกว่า 70,000 ฉบับแล้ว เพราะได้กระแสแรงจากที่ช่อง 3 นำมาฉายทางฟรีทีวี นอกจากนั้นเตรียมที่จะออก “50ปีกิมย้ง” ซึ่งเป็นนักเขียนนิยายจีนที่โด่งดัง
ขณะที่กลุ่มนิตยสารจะมุ่งเน้นแนวเนือ้อาที่เกี่ยวกับสุขภาพ และครอบครัว เพราะยังมีช่องว่าง และมีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต ล่าสุดบริษัทฯได้ซื้อลิขสิทธิ์นิตยสาร HealthPlus ของสำนักพิมพ์อีแมปจากประเทศอังกฤษ เริ่มวางแผงเดือนมีนาคมนี้ เป็นนิตยสารแนวสุขภาพ ราคา 70 บาท จากเดิมที่มีการซื้อลิขสิทธิ์ นิตยสาร Slimming และ Mother & Baby มาแล้วทำตลาดมาได้ประมาณ 1 ปี 7 เดือน และ 7 เดือน ตามลำดับ โดยมียอดพิมพ์มากกว่า 50,000 เล่มต่อเดือนของแต่ละหัว มียอดขายเฉลี่ย 90% ซึ่งเล่มแรกนั้นคืนทุนแล้ว และจะเริ่มระบบสมาชิกในปีนี้ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะซื้อลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้น 3-4 เล่มเช่น แนวสุขภาพเกี่ยวกับผู้ชาย เนื่องจากกลุ่มอีแมปนี้มีหัวหนังสือมากกว่า 400 หัว คาดว่าจะสรุปเร็วๆนี้
นายสุทธิศักดิ์กล่าวด้วยว่า สื่อวิทยุปีนี้ก็จะมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฟุตบอลโลก เพราะบริษัทฯได้เซ็นสัญญากับทางบริษัท ทศภาค จำกัด ผู้ได้รับสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกปีนี้ที่ประเทศเยอรมัน เป็นเจ้าภาพ โดยบริษัทฯจะมีการจัดกิจกรรมตลอด สำหรับธุรกิจค้าปลีกร้านหนังสือ บุ๊คเฟรนด์นั้น ขณะนี้มีเปิดบริการประมาณ 40 สาขา ตั้งเป้าปีนี้จะเปิดอีกประมาณ 10 สาขา แต่ขึ้นอยู่กับโอกาสในการหาพื้นที่ด้วยว่าจะได้ทำเลดีและมากหรือน้อยแค่ไหน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|