“ร้อกเวิธ”ชูกำแพงภาษีหัวหอกยึดอินเดียบุกตะวันออกกลาง


ผู้จัดการรายสัปดาห์(20 กุมภาพันธ์ 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ร้อกเวิธ อาศัยช่องว่างภาษี บุกตลาดตะวันออกกลาง เหตุไม่มีกำแพงภาษีช่วยลดต้นทุนส่งออก เตรียมร่วมทุนดีลเลอร์ในพื้นที่เปิดศูนย์กระจายสินค้าที่อินเดีย หวังขยายตลาดสู่บังคลาเทศ ศรีลังกา พร้อมประกาศร่วมทุน "Sanitica" ในอิตาลี เสริมความแกร่งด้านดีไซน์ หลังพบเป็นจุดบอดมาตลอดเวลาที่ดำเนินการ ตั้งเป้าปีนี้รายได้โต 20%

กระแสการแข่งขันที่รุนแรงมีอยู่เกือบทุกวงการธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่ วงการเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ซึ่งทางออกส่วนหนึ่งของผู้ผลิต คือการมองหาตลาดที่หลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างจุดเด่นให้กับตัวสินค้า ตลอดจนอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านภาษี มาเป็นตัวเพิ่มช่องทางในการจัดจำหน่าย

ไชยยงค์ พงษ์สุทธิมนัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ร้อกเวิธ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน "ร้อกเวิธ" เปิดเผยว่า จากการแข่งขันอันรุนแรงในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน เพราะมีผู้ผลิตจากหลายค่าย อาทิ โมเดอร์นฟอร์ม ทำให้ผู้ผลิตทุกรายต้องเร่งปรับตัว ซึ่งการปรับตัวมีหลายรูปแบบ ทั้งเพิ่มโปรดักส์ ไลน์ สร้างจุดเด่นให้แตกต่างจากคู่แข่ง และเบนเข็มส่งออก เพื่อกระจายความเสี่ยง

โดยร้อกเวิธ เลือกที่จะใช้กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง ด้วยการเตรียมขยายตลาดส่งออก โดยเล็งไปที่ตลาดในกลุ่มตะวันออกกลาง รัสซีย ศรีลังกา บังคลาเทศ และอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่ยังไม่มีผู้ผลิตในวงการนี้สนใจเข้าไปทำตลาดมากนัก โดยเฉพาะตลาดอินเดีย ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจมาก โดยเฉพาะธุรกิจด้านสื่อสารและไอที ดังนั้นจึงมีความต้องการเฟอร์นิเจอร์สำหรับออฟฟิศเพิ่มขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายที่อินเดียเติบโตไม่น้อยกว่า 200%

ขณะเดียวกัน บริษัทยังจะใช้อินเดียเป็นศูนย์กลางของการส่งออกสินค้า ออกไปยังประเทศใกล้เคียง เช่น บังคลาเทศ และ ประเทศในตะวันออกกลาง โดยใช้สิทธิในมาตรการยกเว้นภาษีระหว่างกันสำหรับประเทศในภูมิภาคนี้ ซึ่งจะส่งผลให้สินค้ามีราคาไม่แพงมาก ซึ่งบริษัทได้ลงทุนในลักษณะร่วมทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่น ที่เป็นดีลเลอร์ ลงทุนสร้างโกดัง เป็นศูนย์กระจายสินค้า ใช้งบทั้งสิ้นราว 50 ล้านบาท ทั้งค่าก่อสร้าง และการสต็อกสินค้า ก่อนส่งต่อไปยังประเทศอื่น

“ศูนย์กระจายสินค้าที่อินเดีย จะเปิดดำเนินการในกลางปีนี้ โดยบริษัทจะส่งชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์เข้าไปประกอบที่อินเดีย โดยใช้วัตถุดิบบางส่วนของประเทศอินเดีย เช่น ผ้าบุเก้าอี้ เป็นต้น ซึ่งตรงนี้จะช่วยลดต้นทุน เพราะจะเสียภาษีในอัตราที่ถูกลง เพราะปัจจุบันนี้ส่งไปในรูปแบบเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป จะเสียภาษีสูงกว่า โดยในอดีตอินเดียเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 70%แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 42% และคาดว่าจะลดลงอีก”

อย่างไรก็ตาม สำหรับช่องทางจำหน่ายในต่างประเทศ บริษัทให้ความสำคัญมาโดยตลอด และเมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้เจรจากับ ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน "Sanitica" (ซานิทิก้า) ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับท็อปไฟว์ในประเทศอิตาลี และได้ตกลงที่จะเทคโนโลยีในการผลิตสินค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะด้านการออกแบบ และการผลิตสินค้าในกลุ่ม พาร์ทิชั่นบอร์ด หรือฉากกั้น ซึ่งเป็นสินค้าที่บริษัทนี้มีจุดแข็งมาที่สุด

“การร่วมมือกับพันธมิตรในครั้งนี้จะช่วยให้สินค้าของร้อกเวิธมีดีไซน์และความสวยงามเพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า สินค้าเรามีความคงทนแข็งแรง และมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ดังนั้นการร่วมมือครั้งนี้จะยิ่งช่วยเสริมให้แบรนด์เรามีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยบริษัทจะเซ็นสัญญา กับ“Sanitica" อย่างเป็นทางการ พร้อมกับตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อรุกตลาด เพราะ Sanitica ก็ต้องการเข้ามาเปิดตลาดเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ประเทศไทยเช่นกัน

สำหรับสินค้าที่จะอยู่ภายใต้บริษัทใหม่ดังกล่าว จะเน้นเจาะตลาดไฮเอนด์ เบื้องต้นจะใช้แบรนด์ "ร้อกเวิธ ซานิทิก้า" จะเริ่มนำสินค้าออกวางตลาดได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้สำหรับราคา จะสูงกว่า แบรนด์ ร้อกเวิธ ราว 15% ซึ่งสินค้าของร้อกเวิธ จะเริ่มต้นที่ชิ้นละ 4,000 บาท ไปจนถึงหลักแสนบาท

ไชยยงค์ กล่าวถึงแผนตลาดในประเทศในปีนี้ว่า บริษัททุ่มเงิน 15 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์ โดยมีเป้าหมายเป็นแบรนด์ตัวเลือกอันดับหนึ่งหากลูกค้าจะตัดสินใจเลือกเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะใช้โชว์รูมใหม่ย่านอโศก ที่จะเปิดเร็วๆนี้ เป็นศูนย์จัดกิจกรรม ซีอาร์เอ็ม เพื่อรักษาลูกค้าเก่าและขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ ที่ 950 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 20%

ขณะที่ผลประกอบการปก่อน มียอดขาย 798 ล้านบาท เติบโตจากปี 2547 ราว 15% โดยตลาดในประเทศเติบโต 46% ขณะที่ตลาดต่างประเทศเติบโต 21%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.