“เฟรเชอร์”เร่งล่าอาณานิคมขยายการลงทุนใน-นอกสิงคโปร์


ผู้จัดการรายสัปดาห์(20 กุมภาพันธ์ 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

“เฟรเชอร์ เซ็นเตอร์พอยท์ “ กลุ่มทุนจากแดนลอดช่อง เดินแผนล่าอาณานิคม เตรียมทุ่ม 800 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ลงทุนทั้งในและนอกสิงคโปร์ ส่วนในไทยสนทำเซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ และช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ที่แอร์พอร์ตลิ้งค์ และโครงการเดอะ พาโน

หลังจากที่กลุ่มทุนจากสิงคโปร์เริ่มล่าอาณานิคมมายังประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะได้ขยายฐานการลงทุนแล้ว ยังสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำกลับประเทศด้วย นับตั้งแต่กลุ่มแคปปิตอล แลนด์ ,เคปเปล พร็อพเพอร์ตี้ , ซีดีแอล ( ซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์) และโฮเทล พร็อพเพอร์ตี้ รวมถึงกลุ่มเฟร์เซอร์ เซ็นเตอร์พอยท์ และกำลังจะมีกลุ่มอื่น ๆ ที่จะทยอยเข้ามาลงทุนอีกหลายราย เพราะเห็นว่าไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง ทั้งในแง่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความต้องการที่อยู่อาศัย กำลังซื้อ ตลอดจนความมั่นคงทางการเมืองที่แม้ว่าช่วงนี้จะอยู่ในภาวะสั่นคลอน แต่เชื่อว่าในอนาคตประเทศไทยยังมีศักยภาพดี

โดยที่ผ่านมากลุ่มบริษัท เฟร์เซอร์ เซ็นเตอร์พอยท์ จำกัด หรือ เซ็นเตอร์พอยท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 3 ในสิงคโปร์ได้ร่วมทุนกับบริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน หรือเคแลนด์ ในเครือบมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ด้วยการจัดตั้งบริษัท ริเวอร์ไซด์ โฮมส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการ “ เดอะ พาโน” บริเวณถนนพราม 3 ติดแม่น้ำเจ้าพระยา และยังมีแผนที่จะลงทุนร่วมกันอีกในโครงการอื่น ๆ หากมีแนวโน้มที่ดี

ล่าสุด กลุ่มเฟรเชอร์ โดยลิม เอ เส็ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เฟรเซอร์ เซ็นเตอร์พอยท์ จำกัด ประกาศเตรียมขยายการลงทุนทั้งในสิงคโปร์ และต่างประเทศ โดยตั้งเม็ดเงินลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 800 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ในจำนวนดังกล่าวจะลงทุนในสิงคโปร์ 500 ล้านเหรียญสิงคโปร์ และอีก 300 ล้านเหรียญสิงคโปร์ จะลงทุนในต่างประเทศ แต่ยังไม่ได้สรุปผลว่าจะลงทุนในประเทศใดบ้าง ขึ้นอยู่กับโอกาสและความเป็นไปได้ว่าจะให้ความสำคัญกับประเทศใด ปัจจุบันบริษัทมีทรัพย์สินอยู่ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์

อินเดียเป้าหมายต่อไป

ลิม บอกว่า ในเบื้องต้นอาจจะไปลงทุนที่ประเทศอินเดีย เพราะอินเดียเป็นประเทศใหญ่ โอกาสการขยายตัวจึงมีมาก ซึ่งหากจะไปลงทุนก็ยังเน้นธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเป็นหลัก ได้แก่ คอนโดมิเนียม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ และช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์

ทั้งนี้ การลงทุนในลักษณะนี้ กลุ่มเฟรเชอร์ได้มีการลงทุนอยู่ใน 11 ประเทศ ได้แก่ ยุโรป ตะวันออกกกลาง จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษและไทย ที่มีเครือข่ายเซอร์วิส อพาร์ตเมนท์กว่า 2,200 ยูนิต ในกว่า 10 เมือง ส่วนการลงทุนในอินเดีย จะใช้การร่วมทุนกับกลุ่มท้องถิ่นเช่นเดียวกัน

สำหรับแผนการลงทุนในไทยนั้น มีแผนที่จะขยายการลงทุนสู่ธุรกิจประเภทค้าปลีก ซึ่งสนใจที่จะลงทุนทำช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ซึ่งจะพัฒนาพื้นที่บริเวณชั้นล่างของโครงการ เดอะ พาโน และยังสนใจพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีรถไฟมักกะสัน หรือแอร์พอร์ตลิ้งค์ หากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ อาจจะลงทุนทำคอนโดมิเนียม เซอร์วิสอพาร์เทเม้นท์ และ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ โดยรูปแบบการลงทุนอาจจะลงทุนกองทุน REIT (Real Estate Investment Trust Fund) ซึ่งกองทุนแบบนี้เมืองไทยยังไม่มี

ลิม กล่าวอีกว่า การขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มทุนจากสิงคโปร์ขยายการลงทุนไปยังประทศอื่นเท่านั้น แต่ในสิงคโปร์ก็มีกลุ่มทุนจากชาติอื่น เช่น ฮ่องกงขยายการลงทุนไปในสิงคโปร์ด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนเหตุผลที่ทุนสิงคโปร์ขยายการลงทุนในต่างประเทศ เพราะในสิงคโปร์มีพื้นที่สำหรับการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ไม่มากนัก รวมทั้งประชากรส่วนใหญ่กว่า 80% มีที่อยู่อาศัยแล้ว ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มอิ่มตัว จึงจำเป็นต้องขยายการลงทุนออกไป เพราะบริษัทต้องการรายได้และเดินหน้าลงทุนต่อไป

ส่วนสาเหตุที่เลือกมาลงทุนในไทยนั้น เพราะประชากรไทยมีที่อยู่อาศัยเฉลี่ยเพียง 50% เท่านั้น อีกทั้งยังมีพื้นที่เหลืออีกจำนวนมากที่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้อีก ที่สำคัญราคาที่ดินไม่สูงมากเหมือนในประเทศอื่น และค่าแรงงานก็ไม่แพงมาก เหมาะที่จะลงทุนโครงการใหม่ได้ ซึ่งเท่ากับว่าบริษัทยังมีโอกาสขยายการลงทุนได้

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ให้น้ำหนักการลงทุนในไทยมากเป็นอันดับ 1 แต่ให้ความสำคัญการลงทุนที่ประเทศจีนมากที่สุด และจีนเป็นฐานสร้างรายได้หลักเป็นอันดับ 1 ตามด้วยไทย ส่วนในประเทศอื่น ๆ มีรายได้เข้ามาใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ หากจะขยายการลงทุนในไทย บริษัทจะเจรจากับพันธมิตรคือ บริษัท กรุงเทพบ้านฯเป็นรายแรก


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.