CCPไม่เข็ดเพิ่มพอร์ตงานภาครัฐรับกทม.เบรก16โครงการกระทบรายได้


ผู้จัดการรายวัน(15 กุมภาพันธ์ 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ผลพ่วงผู้ว่ากทม.เบรก 16 โครงการก่อสร้าง "ซีซีพี" โดนหางเลข 3 โครงการ ยอมรับกระทบรายได้บริษัทบ้าง เหตุต้องส่งปูนซิเมนต์ให้ 2-3 โครงการ พร้อมเร่งหางานใหม่แทน เน้นโครงการใหญ่ของรัฐ 82% และเอกชน ชี้ปีนี้ราคาปูนผสมเสร็จจะปรับเพิ่มอีก 5% ส่วนอิฐมวลเบาจะปรับเพิ่มอีก 2-5 บาทต่อก้อน ส่งผลราคาอิฐมวลเบาแตะ 17 บาท ชี้หากตลาดทาวน์เฮาส์โตราคาอิฐมวลเบาแตะ 20 บาทแน่

นายประทีป ทีปกรสุขเกษม ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือซีซีพี ผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จและอิฐมวลเบา เปิดเผยถึงกรณีที่กรุงเทพมหานคร(กทม.)ได้ยกเลิกและชะลอโครงการก่อสร้างของกทม.จำนวน 16 โครงการมูลค่า 20,000 กว่าล้านบาท เนื่องจากปัญหาการฮั้วการประมูลในช่วงที่ผ่านมานั้น ยอมรับว่า ส่งผลกระทบกับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้บ้าง แต่คงไม่มากนัก เพราะมีโครงการที่ส่งให้แก่ผู้ประมูลจำนวน 3 โครงการ ส่วนมูลค่าเท่าใดนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้

"อย่างไรก็ตามบริษัท เชื่อว่าการยกเลิกดังกล่าวจะไม่กระทบต่อยอดขายของบริษัท เพราะจะเร่งขยายในด้านอื่นแทน และจะต้องหางานใหม่ให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีงานทางภาครัฐหรืองานโครงการอีกจำนวนมาก"

โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,700 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นงานที่ประมูลไว้เดิม (แบ็คล็อค) มากกว่า 50% ที่เหลือเป็นงานใหม่ โดยจะหางานโครงการให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ในขณะนี้จำนวน 3-5 โครงการ มูลค่า 500-700 ล้านบาท เช่นโครงการมอเตอร์เวย์ ,โครงการถนนสาย 7 ,โครงการโรงงานของโตโยต้า เป็นต้น สำหรับสัดส่วนการรับงานของบริษัทมาจากงานของภาครัฐ 82% ที่เหลือ 18% เป็นงานภาคเอกชน ขณะที่ในปีที่ผ่านมางานของภาครัฐอยู่ที่ 70% อีก 30% เป็นงานภาคเอกชน

" ที่ผ่านมาบริษัทมียอดรับรู้รายได้ 2,500 ล้านบาท โตจากปี 2547 ประมาณ 25% แต่ในแง่กำไรสุทธิลดลง ทั้งนี้มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11-12% ใกล้เคียงกับปี 2547 เนื่องจากบริษัทต้องใช้เงินลงทุนในโครงการผลิตอิฐมวลเบาไปก่อนจึงจะรับรู้รายได้ ทั้งนี้คาดว่าในปีนี้การทำกำไรน่าจะดีกว่าปี 2548 แน่นอน อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการเมกะโปรเจกส์ของรัฐนั้นส่วนตัวผมคิดว่าไม่ควรจะเกิดในปีนี้ เพราะอาจทำให้วัสดุตึงตัวบ้าง แต่ก็คงจะไม่มีปัญหา "

นายประทีปกล่าวว่าสำหรับสถานการณ์อิฐมวลเบานั้นขณะนี้ราคาได้ปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่ปีที่ผ่านมามีการดั๊มพ์ราคาลงมาค่อนข้างมาก โดยล่าสุดราคาอยู่ที่ 15 บาทต่อก้อน เนื่องจากราคาปูนผสมเสร็จในปีนี้คาดว่าน่าจะปรับเพิ่มประมาณ 5% เนื่องจากวัตถุดิบเช่นทราย หิน ปรับตัวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาอิฐมวลเบาจะปรับเพิ่มเป็น 17 บาทต่อก้อนในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้หากสถานการณ์ก่อสร้างทาวน์เฮาส์ดีตามคาดหมายนั้น คาดว่าอาจจะเห็นราคาอิฐมวลเบาราคาอยู่ที่ 20 บาทต่อก้อน เพราะที่ผ่านมาตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์มีการชะลอตัวลงไปจากเดิมที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างมาก ซึ่งเชื่อว่าปีนี้ตลาดทาวน์เฮาส์จะมีอัตราการเติบโตขึ้น โดยพิจารณาได้จากการเปิดตัวโครงการของผู้ประกอบการ

ส่วนกำลังการผลิตอิฐมวลเบาโดยรวมทั้งตลาดอยู่ที่ 17 ล้านตารางเมตร โดยบริษัทมีกำลังผลิตอยู่ที่ 2.5 แสนตารางเมตรต่อเดือน แต่ในปัจจุบันใช้กำลังการผลิตเพียง 40% เนื่องจากพึ่งเริ่มเปิดโรงงานผลิตได้เพียง 3 เดือน โดยเชื่อว่าในปรายไตรมาสที่ 2 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 80%

ปัจจุบันอิฐมวลเบาเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะงานภาคเอกชน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด จากเดิมที่จะโตในภาคราชการเท่านั้น ซึ่งจังหวัดที่มีการเติบโตคือในภูมิภาคตะวันออกเนื่องจากมีนิคมอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก รองลงมาคือภูเก็ต เชียงใหม่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางจังหวัด เช่น ขอนแก่น เป็นต้น

"ขณะนี้ไม่มีผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างรายใดบ่นว่าไม่มีงาน แต่ขอให้ภาครัฐ ระบุออกมาว่างานใดจะออกมาว่าโครงการของภาครัฐจะออกมาเมื่อไหร่ ผู้ประกอบการจะได้กำหนดการใช้แรงงาน วัสดุก่อสร้าง ให้ชัดเจน และตรงกับความต้องการใช้" นายประทีป กล่าวย้ำ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.