พาณิชย์โบ้ยไม่สอบแอมเพิลริช


ผู้จัดการรายวัน(15 กุมภาพันธ์ 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

พาณิชย์โบ้ยไม่มีอำนาจตรวจสอบโยนเผือกร้อนให้ก.ล.ต. ตามหากระสือแอมเพิลริช ที่สิงคโปร์ อภิสิทธิ์เชื่ออุปโลกน์เข้าข่ายแจ้งเท็จ ขณะที่ดีลขายให้เทมาเส็กมีแนวโน้มเป็นโมฆะเพราะผิดพรบ.ต่างด้าว ด้านโฆษกตระกูลชินระบุที่ตั้งสำนักงานเป็นเรื่องปกติ “ทนง” ป้องอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องจากส.ว.นัดวินิจฉัยซุกหุ้นภาค2 วันที่ 16 ก.พ.นี้ ด้านแม้วโอดทำงานมากไปยิ่งสูงยิ่งหนาว ดอดดูดวงพบดาวเสาร์มาทับจึงไม่ดี

จากกรณีพรรคประชาธิปัตย์ตามไปตรวจสอบที่อยู่ของบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสต์เมนท์ จำกัดที่ได้แจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ว่ามีถิ่นฐานที่ประเทศสิงคโปร์จนพบว่า อาจไม่มีตัวตนตามที่แจ้งและขอให้กระทรวงพาณิชย์เข้าตรวจสอบนั้น

นางสาวอรจิต สิงคาลวณิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ต้องดูในแง่กฎหมายและระเบียบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่าจะสามารถตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศได้หรือไม่ แต่ตามระเบียบในแง่ของกฎหมาย การตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนของกรมฯ จะตรวจสอบกิจการไม่ว่าจะเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด นิติบุคคล หรือแม้แต่ต่างชาติที่เข้ามาจดทะเบียนในประเทศไทยได้เท่านั้น

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หน้าที่การตรวจสอบน่าจะเป็นอำนาจของสำนักงานคณะ กรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์( ก.ล.ต. )ซึ่งจะเป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายหากเกิดข้อสงสัย และสามารถที่จะขอดูรายละเอียดบริษัทดังกล่าวในต่างประเทศได้

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า วันนี้ (15 ก.พ.) นางสาวอรจิต จะเปิดแถลงข่าวถึงกรณีที่มีการขอให้กรมฯ เข้าไปตรวจสอบการถือหุ้นของคนต่างด้าวในเครือชิน คอร์ปทั้งหมด

ทั้งนี้ นายยรรยงค์ พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่าบริษัทไซเพรส โฮลดิ้ง และแอสแพน โฮลดิ้ง ซึ่งถือหุ้นในบริษัทซีด้า โฮลดิ้ง เพื่อเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทชิน คอร์ป ยังไม่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจคนต่างด้าว เพราะเพิ่งโอนหุ้นเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ว่า ยังไม่ได้รับเอกสารการขอประกอบธุรกิจของทั้ง 2 บริษัทแต่อย่างใด ซึ่งคงต้องให้ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นผู้พิจารณาเอกสารคำร้องขอเป็นบริษัทต่างด้าวในเบื้องต้นก่อน

แหล่งข่าวจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมฯ กำลังตรวจสอบบริษัทที่ตกเป็นข่าวในการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปทั้งหมด แต่คงต้องใช้เวลา เพราะแต่ละบัญชีมีผู้ถือหุ้นจำนวนมาก และโยงกันไปโยงกันมา ในส่วนของบริษัทประกอบการต่างด้าวนั้น การตรวจสอบของกรมฯ จะดูข้อมูลเบื้องต้นว่าเป็นนิติบุคคล สัดส่วนการถือหุ้นของต่างด้าวไม่เกิน 49% และมีการยื่นข้อมูลการเปลี่ยนแปลงถูกต้องในรอบปีที่ผ่านมา หากพบว่ามีเจตนากระทำผิดจะรวบรวมข้อมูลส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามกฎหมาย

**อภิสิทธิ์เชื่ออุปโลกน์-แจ้งเท็จ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากข้อมูลการตรวจพบความไม่ชอบมาพากลของบริษัท แอมเพิลริซ จึงเชื่อว่าข้อมูลที่แจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์เป็นเท็จ ทั้งชื่อและที่ตั้ง อาจเข้าข่ายอุปโลกน์ ซึ่งภายในสัปดาห์นี้ พรรคจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเป็นหลักการและเหตุผลในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โดยวางกรอบเป้าหมายของการอภิปรายอยู่ที่เนื้อหาความไม่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญและการทุจริตกรณีการขายหุ้นชินคอร์ปฯ

“ร่างญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมคำร้องขอถอดถอนของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะแล้วเสร็จพร้อมที่จะเสนอพร้อมการเสนอในสัปดาห์นี้”

**โฆษกตระกูลชินระบุเรื่องปกติ

นายสุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกประจำตระกูลชินวัตร ชี้แจงผ่านเอกสารถึงกรณีว่า บริษัทแอมเพิล ริช เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ที่ประเทศบริทิช เวอร์จิ้น ไอร์แลนด์ มีหลักฐานการจดทะเบียนก่อตั้งจริง และมีสถานที่ตั้งอยู่ที่ Matheson Trust Company (BVI) Limited, P.O.Box 3151, Road Town, Tortola, British Virgin Islands.

บริษัทแอมเพิล ริช เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะนำหุ้นชินคอร์ปไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะทำธุรกิจอื่น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีสำนักงานในประเทศสิงคโปร์

ส่วนที่อยู่ที่ปรากฎอยู่ในประเทศสิงคโปร์นั้น มีไว้ใช้เพื่อการติดต่อกับบริษัทแอมเพิล ริช เท่านั้น โดยได้มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ติดต่อในบางช่วงเวลากล่าวคือที่ 185A Goldhill Centre, 51 Thomson Road, Singapore 307629 และที่ No.57 Ubi Avenue 1, #07-03 Ubi Centre Singapore 408936 บริษัทแอมเพิล ริช ไม่มีสำนักงานอยู่ในประเทศสิงคโปร์แต่อย่างใด ทั้งนี้วิธีการใช้สถานที่ติดต่อดังกล่าว เป็นวิธีการปฏิบัติทางธุรกิจปกติทั่วไป

ทั้งนี้ บริษัทแอมเพิล ริช ถือหุ้นชินคอร์ป จำนวน 32.92 ล้านหุ้น ตั้งแต่ปี 2542 โดยไม่มีการซื้อขายหรือเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด และบริษัทแอมเพิล ริช ได้เปลี่ยนผู้ถือหุ้นเป็นนายพานทองแท้ ชินวัตร ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2543 ดังปรากฎอยู่ในเอกสารที่ส่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาตั้งแต่ปี 2542

**ทนงอ้างที่อยู่แอมเพิลฯแค่เรื่องเล็ก

นายทนง พิทยะ รมว.คลัง กล่าวว่า การตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปสำหรับกระทรวงการคลังประเด็นปัญหาอยู่ที่ ก.ล.ต. หาก ก.ล.ต.สามารถจบปัญหาได้อย่างชัดเจนก็จะทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่าใครผิดใครถูก บางครั้งมันอาจถูกทำให้ซับซ้อนบ้าง แต่ก็หวังว่าจะไม่บานปลาย เชื่อว่าตอนนี้ ก.ล.ต.ก็ทำงานเต็มที่ เหลือรอยืนยันเอกสารที่เป็นทางการ และรอเอกสารจากต่างประเทศ

สำหรับบริษัทแอมเพิล ริช นายทนงกล่าวว่า มีที่อยู่ที่ชัดเจนคือเกาะบริติช เวอร์จิน ส่วนในสิงคโปร์ นั้น ยืนยันว่ามีที่ตั้งอยู่จริง เป็นสถานที่ติดต่อได้และมีตัวตน แต่อาจจะเปลี่ยนได้หรือย้ายที่ได้ ถ้าจะย้ายก็เป็นเรื่องของเค้า อย่าเอาเรื่องเล็กน้อยมาให้เป็นเรื่องใหญ่

**แนวโน้มขายหุ้นชินเป็นโมฆะ

นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ คณะทำงานตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่เครือข่ายองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคเตรียมยื่นศาลปกครอง ให้ยกเลิกรับจดทะเบียนซื้อขายหุ้น อายัดหุ้นเป็นกรณีฉุกเฉินว่าดีลซื้อขายหุ้นชินคอร์ปจำนวน 7.3หมื่นล้านบาทมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นอันโมฆะ เพราะเนื่องจากมีความชัดเจนว่า3 บริษัทไม่มีความโปร่งใส โดยเฉพาะไซเพสโฮลดิ้งส์ และแอสเพน โฮลดิ้งส์ ที่ไม่มีใบประกอบอนุญาตจากคณะกรรมการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งก็เพียงพอที่จะให้ศาลสั่งระงับการทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นครั้งนี้แล้ว

ส่วนบริษัทกุหลาบแก้วก็มีบันทึกในหนังสือรับรองชัดเจนว่า คนไทยถือหุ้นเกินร้อยละ50 แต่ได้กำไรปันผลเพียงร้อยละ3 ก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นการถือหุ้นแทนกัน เพราะหากเป็นผู้ถือหุ้นจริงไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขนี้เด็ดขาด

นายเกียรติกล่าวว่า อยากเห็นคณะกรรมการชุดนี้นำเรื่องนี้เข้าวาระทันทีเพราะทุกเดือนก็มีการประชุมช่วงปลายเดือนอยู่แล้ว สามารถนำปัญหานี้มาวินิจฉัยได้เลยเพราะกฎหมายให้อำนาจไว้เบ็ดเสร็จแล้ว ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ตามที่มีข่าวว่าจะให้นายปรีชา เลาหะพงษ์ชนะ รมช.พาณิชย์ เป็นประธานอีก และหากในเดือนนี้คณะกรรมการยังไม่นำเรื่องนี้มาหารือตนจะยื่นหนังสือสอบถามและถือว่าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

**ศาลรธน.นัก16ก.พ.วินิจฉัยซุกหุ้น2

วานนี้ ( 14 ก.พ.) นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ที่ประชุมคณะตุลาการฯ ได้มีคำสั่งให้รับคำร้องของประธานวุฒิสภาที่ส่งคำร้องของนายแก้วสรร อติโพธิ สมาชิกวุฒิสภา และคณะรวม 28 คนขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 96 ประกอบมาตรา 216(6) และมาตรา 209 หรือไม่ไว้ดำเนินการ ตามข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2546 ข้อ 12 วรรคหนึ่ง และกำหนดให้มีการอภิปรายในประเด็นว่าจะรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 16 ก.พ.นี้ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อยุติ

ทั้งนี้ข้อเท็จจริงตามคำร้องของนายแก้วสรร และคณะ ระบุว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 209 ได้ห้ามมิให้รัฐมนตรีถือครองหุ้นในบริษัทใดเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนดคือร้อยละ 5 หรือหากถือครองอยู่ก่อนก็ต้องไม่คงไว้ต่อไปซึ่งการถือครองนั้น แต่ถ้ายังประสงค์จะรักษาประโยชน์ของตนในหุ้นนั้นไว้ก็ต้องแจ้งให้ประธาน ป.ป.ช.ทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และโอนหุ้นดังกล่าวให้นิติบุคคลรับจัดการทรัพย์สินรับไปจัดการต่อไป โดยจะต้องไม่เข้าไปเกี่ยวข้องจัดการในหุ้นหรือกิจการของบริษัทดังกล่าว ซึ่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นการตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐมนตรีกับหุ้นของบริษัท จึงต้องตีความให้เป็นผลโดยเด็ดขาด หากรัฐมนตรีผู้ใดยังคงความสัมพันธ์นี้ไว้ไม่ว่าโดยตรง หรือโดยอ้อม ถือเป็นการกระทำอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 209

อย่างไรก็ตามก่อนการประชุมคณะตุลาการฯ นายแก้วสรร พร้อมด้วย ส.ว.ที่ร่วมเข้าชื่อจำนวนหนึ่ง ได้เข้ายื่นคำชี้แจงเพิ่มเติม ต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผ่านเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่ามีหลักฐานว่า นับแต่พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ ยังคงความเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทชินคอร์ปไว้ โดยมีอำนาจและใช้อำนาจครอบงำจัดการหุ้นและจัดการกิจการของบริษัทชินคอร์ปอยู่เช่นเดิม ปรากฏให้เห็นจากพฤติการณ์แวดล้อม และคำรับในกาละต่าง ๆ ดังที่ได้แสดงไว้ในคำร้องที่ยื่นไปก่อนแล้ว และแม้พฤติการณ์ในคดีจะเป็นการกระทำส่อในทางทุจริตถูกถอดถอนได้ แต่ ขอยืนยันใช้สิทธิตามมาตรา 209 ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องรับไว้ดำเนินการต่อไป

ส่วนการใช้มาตรา 209 นั้นเห็นว่าต้องตีความทั้งมาตรา ไม่ใช่เลือกตีความเฉพาะวรรคใดวรรคหนึ่ง โดยได้ชี้แจงแล้วว่ามาตรา 209 นี้จะต้องปฏิเสธไม่ดูความเป็นผู้ถือหุ้นตามชื่อต่าง ๆ ที่ตัวการได้เชิดอำพรางไว้ แต่ต้องดูอำนาจครอบงำจัดการหุ้นว่าได้โอนไปตาม “ชื่อ”จริงหรือไม่ แม้ในกรณีที่นายกฯโอนหุ้นชินคอร์ปให้บริษัทจัดการหลักทรัพย์ใดรับไปจัดการ ก็ยังติดตามมาสำทับว่าต้องไม่เข้าไปเกี่ยวข้องจัดการอีก ในกรณีที่โอนไปเป็นชื่อผู้อื่น เช่น บุตรชายหรือแอมเพิล ริช นายกฯยิ่งต้องไม่เข้าไปเกี่ยวข้องจัดการอีกเช่นกัน ไม่มีเหตุผลใดที่จะห้ามยุ่งเกี่ยวแต่เฉพาะกรณีโอนให้บริษัทจัดการหลักทรัพย์ ส่วนกรณีโอนให้บุตรชายนั้น กลับอนุญาตให้เข้ามาสั่งขายสั่งโอนได้ตามชอบ

**แฉพฤติการณ์เกี่ยวข้องเป็นปิรามิด

ส่วนพฤติการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นชินคอร์ป ตั้งแต่ พ.ศ.2542 จนถึงปัจจุบันเป็นข้อเท็จจริงกลุ่มเดียว เมื่อนำกฎหมายมาตรวจสอบแล้วก็จะจำแนกได้เป็นสี่กรอบ จนปรากฏเป็นรูป “ปิรามิดความผิดสี่กรอบกฎหมาย” กรอบที่ 1 ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 (6) ซึ่งส.ว. 28 คนยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่านายกฯยังไม่วางมือตัดขาดจากหุ้นและกิจการชินคอร์ปต้องห้ามตามมาตรา 209 กรอบที่ 2 ถอดถอนเพราะทุจริตต่อหน้าที่ ประชาชน 5 หมื่นคน หรือ ส.ส.125 คนกล่าวหาให้วุฒิสภาถอดถอนได้โดยต้องผ่านการสอบสวนของ ป.ป.ช.ก่อน กรอบที่ 3. ปกปิดทรัพย์สิน เช่นไม่แจ้งหุ้นในแอมเพิล ริช ในบัญชีที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ดังนั้น ป.ป.ช.มีอำนาจยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนได้ กรอบที่ 4 ความผิดตามกฎหมายเฉพาะต่าง ๆ เช่น หลีกเลี่ยงภาษี ไม่แจ้งการโอนหุ้นตามเกณฑ์กำหนดให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบ ให้ต่างก้าวถือหุ้นเป็นซับเป็นซ้อนเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายหรือกระทำการฟอกเงิน เป็นต้น ซึ่ง 3 กรอบหลัง ส.ว. 28 คนไม่ได้ยื่นคำร้องในกรอบนี้ โดยบางกรอบไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่

ขณะเดียวกันกลุ่มองค์กรภาคประชาชนกว่า 50 คน และเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ก็เดินทางมาเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาโดยมีการนำดอกกุหลาบมามอบให้ส.ว. และนำป้ายผ้ามีข้อความว่า “ศาลรัฐธรรมนูญต้องฟื้นศรัทธา อย่าต่อเวลาให้ทักษิณ” , “ศาลรัฐธรรมนูญต้องกลับใจรับวินิจฉัยทักษิณซุกหุ้น 2” และ “คนอะไรบกพร่องโดยสุจริตได้ตลอดชีวิต”

**หมอมิ้งอ้างอย่ากดดันศาล

น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าไม่กดดันศาลรัฐธรรมนูญเชื่อว่า กลไกทุกอย่างจะทำงาน การยื่นถอดถอน ก็เป็นการทำตามสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และอยากขอให้ถอยกลับไปดูว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันต่างชาติยอมรับว่าดีที่สุดสมบูรณ์ที่สุดแล้ว ขอให้ทุกอย่าง เป็นไปตามครรลอง เพราะสังคมหรือสื่อมวลชนก็มีสิทธิเสรีภาพ ทุกอย่างขอให้เป็น ไปตามกรอบที่สังคมส่วนใหญ่ยอบรับ

**แม้วโอดยิ่งสูงยิ่งหนาว ดาวเสาร์ทับ

ในวันเดียวกัน พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผบ.ทร.ในฐานะประธานรุ่น วปรอ. รุ่น 4414 พร้อมด้วยตัวแทนรุ่น 20 คน เข้าอวยพรเพื่อให้กำลังใจเนื่องในวันวาเลนไทน์ แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ช่วงนี้เกิดความสับสนบางสิ่งบางอย่างมีการเปลี่ยนแปลง และแน่นอนว่าย่อมมีคนที่ไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลง บางคนก็ไม่เข้าใจ และบางคนก็ไม่แฮปปี้ เพราะมีผลกระทบส่วนบุคคล ความจริงไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย แต่เขามาพยายามทำให้มีปัญหา

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทำงานมากเกินไปให้เวลากับสังคมไทยน้อยเกินไป เพราะสังคมไทยต้องการความเข้าใจ ยิ่งทำงานมากเพื่อนฝูงยิ่งหาย เหมือนยืนอยู่บนที่สูง ที่ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว และยิ่งทำงานมากคนที่เคยเป็นเพื่อนก็กลายเป็นศัตรูเป็นข้อเสียของการทำงานมากเกินไป

"ผมขายหุ้นหมดเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2543 และเลือกตั้งเมื่อปี 2544 เลยขายหุ้นในราคาพาร์ให้กับลูก ๆ เพราะถือว่าเป็นมรดกส่วนหนึ่งแต่กลับนำเอาจุดนี้มาโจมตี มาอ้างรีเทปไป-รีเทปมาแล้วมาอ้างมาหาเรื่องหาว่าไปทำผิดกฎหมาย ทำผิดศีลธรรม ไม่ใช่ว่าคนอื่นเสียภาษีแล้วผมไม่ต้องเสีย แต่ทุกคนก็เหมือนกัน ผมไม่ได้รับอภิสิทธิ์ใด ๆ แต่ถูกบิดเบือน สื่อบางฉบับก็ไม่แฮปปี้ บางทีอาจจะมีผลประโยชน์ทำให้กลุ่มที่บริสุทธิ์เข้าใจหรือถูกบิดเบือนข้อมูล เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีแย่มาก ๆ ความจริงผมไม่ได้คิดอะไร ตั้งใจจะทำงานให้ดีที่สุดคนเป็นนายกฯ ภูมิใจกับศรัทธาที่ประชาชนให้มา คิดแต่เพียงว่าจะทำงานให้ดีที่สุดไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น เขาว่าดาวเสาร์อยู่ในราศีกรกฎทับพอดี ผมอยู่ในดวงจันทร์พุธสุริยะ แต่เสาร์มาทับก็เลยไม่ดี จันทร์คือเสน่ห์ อาทิตย์คือบารมี อำนาจ แต่เมื่อเสาร์มาทับทุกอย่างก็ลดลง เขาว่ากันอย่างนั้นตามโหราศาสตร์" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

สำหรับ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยตามคำร้องของ ส.ว. 28 คน กรณีซุกหุ้นภาค 2 ว่าขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวแต่เพียงว่า "เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้สื่อ เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นไงกลั้วกลัวสื่อ"

“ไม่ทราบ ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.