หุ้นไทยวูบ10จุด-รอลุ้นคดี""ซุกหุ้นภาค2"16ก.พ.นี้


ผู้จัดการรายวัน(15 กุมภาพันธ์ 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

นักลงทุนวิตกกรณี "นายกฯ ซุกหุ้นภาค 2" หลังศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคำร้องของ 28 สมาชิกวุฒิสภา ในวันที่ 16 ก.พ. ผสมโรงกับเหตุการณ์ม็อบกู้ชาติ 26 ก.พ.นี้ บานปลาย ฉุดตลาดหุ้นไทยทรุดหนัก 10 จุด "ขุนคลัง" ปลอบตลาดหุ้นตกแค่ช่วงสั้น เมื่อทุกอย่างคลี่คลายจะกลับมาดีเหมือนเดิม ด้านบล.บัวหลวง เชื่อดัชนีไม่หลุด 710 จุด ขณะที่บล.นครหลวงไทย หวั่นศาลรับเรื่องมีผลต่อตำแหน่งผู้นำประเทศ

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้(14 ก.พ.) ดัชนีเปิดปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงหลังนักลงทุนกังวลประเด็นศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการวินิฉัยรับคำร้องของ 28 สว. โดยตลอดทั้งวันดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบก่อนปิดที่ 727.91 จุด ลดลงจากวันก่อน 10.16 จุด หรือ 1.38% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 733.38 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 723.75 จุด มูลค่าการซื้อขาย 18,196.09 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 17.69 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 889.58 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 871.89 ล้านบาท

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS กล่าวว่า นักลงทุนจะต้องจับตาการพิจารณาของศาลรัฐธรรมูญเกี่ยวกับการวินิจฉัยคำร้องของ 28 สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในวันที่ 16 ก.พ.นี้ เพื่อให้มีการตรวจสอบกรณีการซุกหุ้นของนายกรัฐมนตรีเนื่องจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์

ทั้งนี้ เชื่อว่าการปรับตัวลดลงของดัชนีจะไม่ปรับลดลงต่ำกว่า 710 จุด เนื่องจากปัจจุบันระดับพีอีเรโซของตลาดหุ้นไทยถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากเพียง 3 เท่า ขณะที่คาดว่าบรรยากาศของตลาดทุนในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการซุกหุ้น จะคล้ายคลึงกับสมัยที่ศาลฯตรวจสอบคดีซุกหุ้นของนายกฯ ครั้งแรก ซึ่งมูลค่าการซื้อขายจะปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าราคาหุ้นอาจจะปรับลดลงได้อีก

อย่างไรก็ตาม หากการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 16 ก.พ. ไม่รับคำร้องในเรื่องดังกล่าว บรรยากาศการลงทุนจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นในระดับหนึ่ง และจะส่งผลทำให้ดัชนีมีแรงซื้อเข้ามาอีกครั้ง

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIBS กล่าวว่า หากในวันที่ 16 ก.พ. นี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องคดีซุกหุ้นของนายกรัฐมนตรี อาจทำให้ดัชนีตลาาดหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เพราะคำร้องในเรื่องดังกล่าวมีผลโดยตรงกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศ

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันหลังจากที่ราคาปรับลดลงมาค่อนข้างมาก ซึ่งสาเหตุหลักไม่ใช่เพราะราคาหุ้นที่ซื้อขายแพงแต่เป็นเพราะความกังวลของนักลงทุน

สำหรับปัจจัยภายนอก เรื่องความผันผวนของตลาดเงิน หลังจากที่สหรัฐมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นมาอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ค่อนข้างสูง จึงทำให้ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณการขายจากนักลงทุนต่างชาติค่อนข้างมาก

ด้านนายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บล. ทีเอสอีซี จำกัด กล่าวว่า สาเหตุที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างหนักนอกเหนือจากปัจจัยเรื่องศาลรฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาในวันที่ 16 ก.พ. แล้ว กระแสการรวมตัวการเพื่อชุมนุมคัดค้านของกลุ่มพันธมิตรกู้ชาติในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุน โดยแรงเทขายส่วนใหญ่อยู่ในหุ้นที่มีมาร์เกตแคปขนาดใหญ่

ทั้งนี้ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ที่ผ่านมายังถือว่าไม่มีนัยสำคัญ เพราะถือเป็นแรงขายตามปกติ หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติได้เข้าซื้อหุ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง โดยแนวรับดัชนีอยู่ที่ 725 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 735 จุด

นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS กล่าวว่า เชื่อว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะไม่ปรับตัวลดลงหลุด 710 จุด เนื่องจากคาดว่าจะมีแรงซื้อหุ้นเข้ามา โดยเฉพาะหุ้นที่จ่ายเงินปันผลซึ่งนักลงทุนกลุ่มหนึ่งอยู่ระหว่างการรอการประกาศจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนที่จะเริ่มในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน

ทั้งนี้ บล.ไซรัส แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นปันผลสะสมไว้ เช่น BECL เนื่องจากมีอัตราตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 6.5% และราคาหุ้นในปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายมาก ขณะที่การประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีสัปดาห์นี้ไว้ที่ 710-750 จุด

**ขุนคลังรับการเมืองกระทบหุ้น

นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงภาวะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเมื่อวานนี้ว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่การปรับลดลงเพราะนักลงทุนกังวลประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทางการเมือง ซึ่งเชื่อว่าปัจจัยลบดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นๆเท่านั้นและจะคลี่คลายไปเอง

ทั้งนี้ เมื่อปัจจัยลบทางการเมืองจบลงหรือคลี่คลายไปในทางที่ดี เชื่อว่าภาวะดัชนีตลาดหุ้นไทยจะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากหากพิจารณาถึงความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประทศไทยยังคงถือว่ามีความแข็งแกร่งอยู่มาก


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.