"ตำนานอีกบทของดาต้าแมท"


นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2540)



กลับสู่หน้าหลัก

ในที่สุดไปรเทพ ซอโสตถิกุลต้องลุกจากเก้าอี้กรรมการผู้จัดการใหญ่เพื่อส่งกลับคืนให้กับมนู อรดีดลเชษฐ์ผู้ก่อตั้งดาต้าแมท หลังจากนั่งบริหารอยู่เกือบ 3 ปีเต็ม

ไปรเทพเป็นทายาทของตระกูลซอโสตถิกุล อันเป็นเจ้าของกิจการหลายแขนง มีโรงงานไทยชูรสตราชฎา โรงงานผลิตรองเท้านันยาง เจ้าของห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ รวมทั้งธุรกิจรับสร้างบ้านซีคอน

ในยุคที่อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (ไอที) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินธุรกิจ การหลั่งไหลของข้อมูลข่าวสาร ความสำเร็จของธุรกิจที่เริ่มต้นจากศูนย์และกลายเป็นยักษ์ใหญ่มีเงินหลายล้าน ทำให้หลายบริษัทจึงต้องเกาะเกี่ยวไปกับเส้นทางดิจิตอลสายนี้ บางบริษัทก็แค่เรียนรู้เพื่อนำไปใช้ในกิจการเพื่อให้ทันยุคสมัย แต่มีจำนวนไม่น้อยที่มองเห็นลู่ทางขยายเข้าสู่ธุรกิจคลื่นลูกที่สาม

กลุ่มเซ็นทรัลเคยจัดตั้งแผนกคอมพิวเตอร์ขึ้นเมื่อสิบปีที่แล้วเช่นเดียวกับ ไออีซี ในเครือสหพัฒน์พิบูลที่เป็นตัวแทนขายคอมพิวเตอร์ซัมซุง และอินเตอร์กราฟ กลุ่มบ้านฉาง ของไพโรจน์ เปี่ยมพงศ์สานต์ เคยจัดตั้งแผนกไอทีขึ้นเพื่อมองหาลู่ทางธุรกิจไอที ตระกูลมาลีนนท์แห่งช่อง 3 สร้างอินโฟร์กรุ๊ปเพื่อทำธุรกิจคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม

ไปรเทพก็จัดเป็นหนึ่งในนั้น เขาเชื่อว่าธุรกิจไอทีจะเข้ามามีบทบาทในอนาคต ดังนั้นแทนที่เขาจะนั่งบริหารงานในกิจการของครอบครัวเช่นเดียวกับพี่ชายและน้องชาย เขากลับเลือกดาต้าแมท

ดาต้าแมท นั้นจัดเป็นบริษัทคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ และมีฐานลูกค้าที่เป็นโบรกเกอร์ไฟแนนซ์อยู่เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญยังเป็น 1 ใน 3 บริษัทค้าคอมพิวเตอร์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

กระบวนการเข้าสู่ดาต้าแมทของไปรเทพเริ่มมาจากธุรกิจของดาต้าแมทเริ่มเกิดปัญหาในเรื่องต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น จากการทุ่มลงทุนในด้านกำลังคน เพื่อมาใช้สร้างธุรกิจออกแบบที่ปรึกษาติดตั้งคอมพิวเตอร์ และพัฒนาซอฟต์แวร์

ด้วยฐานเงินทุน และสายสัมพันธ์ที่กลุ่มซอโสตถิกุลมีต่อกลุ่มสุกัญญา ประจวบเหมาะ เสี่ยสอง และราศรี บัวเลิศ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ทีเข้าไปกว้านซื้อหุ้นของดาต้าแมท ที่ถูกเทขายจากนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มไม่มั่นใจในสถานการณ์ของดาต้าแมท ส่งผลให้นักลงทุนเหล่านี้กลายเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ แทนมนู อรดีดลเชษฐ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งดาต้าแมทมากับมือต้องกลายเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อยไปแบบไม่ตั้งตัว ต้องลดบทบาทการบริหารงานมานั่งเป็นประธาน

แม้ไร้ประสบการณ์แต่ไปรเทพก็เดินเข้าดาต้าแมทพร้อมพกพาความหวังและความฝันอย่างเต็มเปี่ยม

ไปรเทพรู้ดีว่า เวลานั้นดาต้าแมทเริ่มมีปัญหาขาดสภาพคล่อง จึงต้องเร่งหารายได้เข้ามาเสริมเป็นการด่วน สิ่งที่เขามองเห็นก็คือ ธุรกิจโทรศัพท์ค้ามือถือ ค้าเครื่องพีซี เกม ซีดีรอม และโทรคมนาคม เนื่องจากช่วงเวลานั้นสินค้าดังกล่าวมีตัวเลขการเติบโต จึงเป็นทางเลือกที่ไปรเทพเชื่อว่าจะสร้างรายได้เข้ามาเป็นเงินสดหมุนเวียน หล่อเลี้ยงบริษัทได้ ที่สำคัญธุรกิจใหม่ที่หากทำสำเร็จในฐานะผู้บุกเบิกเขาก็จะได้เครดิตไปอย่างมาก

ทางด้านมนู และบรรดาผู้ถือหุ้นเอง ก็ไม่คัดค้าน เพราะเขาเองก็ต้องเผชิญปัญหากับการสร้างคนเพื่อมารองรับกับธุรกิจเดิมของดาต้าแมท เมื่อมีหนทางใหม่ ๆ ก็น่าจะลองดู

ดาต้าแมทในเวลานั้นจึงคึกคักยิ่งนัก เต็มไปด้วยบรรดามืออาชีพที่ถูกดึงตัวเข้ามา เพื่อบุกตะลุยไปยังธุรกิจคอนซูเมอร์โปรดักส์ และธุรกิจใหม่ ๆ ภายใต้การนำของไปรเทพ

แนวคิดการหารายได้ใหม่ ๆ ให้กับดาต้าแมทนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ธุรกิจค้าพีซี และโทรศัพท์มือถือนั้น ใช่ว่าจะมี "เงิน" เพียงอย่างเดียวก็ทำได้ เพราะไม่เพียงการแข่งขันที่รุนแรง แต่ยังต้องวิ่งไล่กวดเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงชนิดตาห้ามกระพริบ และราคาที่ต่ำลงทุกวันต้องอาศัยทั้งกลยุทธ์การตลาดทุกรูปแบบ การบริหารสต็อก และเงินทุน แม้ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการยังยอมรับว่าเป็นงานที่ "หิน" มากซึ่งดาต้าแมทและไปรเทพนั้นก็ยังใหม่กับธุรกิจด้านนี้

ในเวลาเพียงไม่ถึงปีสินค้าที่สั่งเข้ามาขายไม่ได้ ทำให้ดาต้าแมทต้องแบกรับดอกเบี้ยเงินกู้ที่ใช้เพื่อการลงทุนในธุรกิจนี้พุ่งขึ้นถึงปีละ 80 ล้านบาท ตัวเลขขาดทุนเพิ่มขึ้นทันที

ขณะเดียวกันธุรกิจใหม่ ๆ ที่เข้ามาทดแทน เช่น โทรคมนาคม อินเตอร์เน็ต แต่ธุรกิจเหล่านี้ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ไม่มีธุรกิจไหนที่ทำรายได้เลย และธุรกิจดั้งเดิมของดาต้าแมท คือ การเป็นที่ปรึกษาและออกแบบระบบคอมพิวเตอร์และพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ยังตกต่ำอยู่ สถานการณ์ของดาต้าแมทจึงย่ำแย่ลงไปทุกขณะ

ไปรเทพยื่นใบลาออก มนู อรดีดลเชษฐ์ จึงต้องกลับมารับภาระใหม่อีกครั้ง

การลาจากของไปรเทพในครั้งนี้ อาจเป็นบทเรียนราคาแพงอีกบทหนึ่งของธุรกิจที่หวังเกาะเกี่ยวไปกับคลื่นลูกที่สาม ซึ่งอาจทำให้ไปรเทพ และกลุ่มซีคอนต้องล่าถอยออกจากธุรกิจไอทีไปอย่างถาวรเลย

แต่สำหรับมนูแล้ว การเริ่มต้นสร้างดาต้าแมทเมื่อสิบปีที่แล้ว ก็อาจไม่ยากเท่ากับการที่ต้องมาฟื้นฟูให้ดาต้าแมทลุกขึ้นอีกครั้ง

การกลับมาของมนูบนเก้าอี้ตัวเดิมจึงนับว่าท้าทายยิ่งนัก เพราะเขาต้องปัดกวาดเช็ดถูบ้านใหม่เพื่อพยุงดาต้าแมทให้อยู่รอด ในขณะที่ตลาดคอมพิวเตอร์นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแล้ว จากการเกิดคู่แข่งขันหน้าใหม่ ๆ จากในและต่างประเทศ

"ที่ผ่านมาผมไม่ได้ขายคอมพิวเตอร์ แต่ทำหน้าที่ขายตึก และขายหุ้นอย่างเดียว ซึ่งก็มีการเจรจาไปแล้วหลายสิบราย และคงตกลงกันได้เร็ว ๆ นี้" คำกล่าวของมนูที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เขาต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วนในเวลานี้ได้เป็นอย่างดี

ไม่เพียงแค่การลดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ มนูต้องวิ่งขายอาคารดาต้าแมทริมถนนคลองตัน มูลค่า 700 ล้านบาท ที่เขาสร้างมากับมือ เพื่อนำไปจ่ายเงินกู้เพื่อลดภาระดอกเบี้ยและนำหุ้นที่เหลืออยู่ 30% หรือ 22% ออกขาย เพื่อหามาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท

จากบทเรียนราคาแพงของดาต้าแมท มนูรู้ดีว่า การทำธุรกิจที่ไม่ชำนาญไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลย หนทางข้างหน้าของดาต้าแมทจึงต้องย้อนกลับมาสู่ธุรกิจดั้งเดิม ก็คือ ธุรกิจค้าบริการ อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส และซอฟต์แวร์โปรดักส์

อย่างน้อยในฐานะที่มนู ซึ่งคลุกคลีในวงการคอมพิวเตอร์มานาน เป็นนายกสมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ เป็นที่นับหน้าถือตาในวงการและเป็นผู้มีส่วนในการผลักดันให้เกิดซอฟต์แวร์ปาร์ค หรือ สวนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ อย่างน้อยก็ทำให้มนูรู้ว่าจะผลักดันให้ดาต้าแมทเดินไปยังทิศทางใด

ดาต้าแมทจะยืนขึ้นอีกครั้งได้หรือไม่ ในปี 2542 ซึ่งเป็นกำหนดการที่มนูวางไว้สำหรับองค์กรที่เขาสร้างมากับมือหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.