วังทองกรุ๊ปรีดไขมันส่วนเกินเหตุเงินทุนหายาก-แบงก์เข้มปล่อยกู้


ผู้จัดการรายสัปดาห์(13 กุมภาพันธ์ 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

วังทอง กรุ๊ป ดิ้นหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ นำบ้านตัวอย่าง 20 หลัง มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท เข้าแคมเปญ “รับประกันซื้อคืน”ในราคาเท่าเดิมบวกดอกเบี้ย 5.25% เจาะกลุ่มนักลงทุน แย้มแผนทำแคมเปญ “บ้านแลกบ้าน” กรุยทางขยายทำเลนอกโซนรังสิต เตรียมลงทุนทำเลฮอต บางนา,อ่อนนุช ,ประชาชื่น –เอกมัย-รามอินทรา

เมื่อแหล่งเงินทุนเริ่มหายากขึ้น ขณะที่การดำเนินงานต้องลดต้นทุนทุกทาง ทั้งการบริหารจัดการ การวางแผนก่อสร้าง ตลอดจนการจัดการกับบ้านตัวอย่างที่เป็นต้นทุนแฝงที่ผู้ประกอบการนึกไม่ถึงว่า บ้านตัวอย่างนับเป็นต้นทุนการก่อสร้างต้นทุนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากโครงการปิดการขายไปแล้ว บ้านตัวอย่างยังไม่ได้ขายทิ้ง ยังคงเป็นภาระให้กับเจ้าของโครงการ

บริษัท วังทอง กรุ๊ป เห็นว่า บ้านตัวอย่างนอกจากจะเป็นแรงดึงดูดที่สำคัญทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อแล้ว บ้านตัวอย่างน่าจะเป็นตัวสร้างรายได้เข้าบริษัทบ้าง เพราะนอกจากจะทำให้บริษัทมีเงินหมุนเวียนมากขึ้นแล้ว บริษัทยังไม่ต้องแบกรับภาระค่าดอกเบี้ยที่เกิดจากการก่อสร้างอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยกู้ รวมถึงบรรยายกาศการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯยังไม่เอื้ออำนวย บริษัทจึงชะลอการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ทั้งที่ได้เตรียมตัวมานานหลายปี

ปราโมทย์ เจษฎาวรางกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วังทอง กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจัดแคมเปญ “รับประกันซื้อบ้านคืน” โดยนำบ้านตัวอย่างที่มีอยู่ประมาณ 20 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 120 ล้านบาท มีทั้งทาวน์ฮาส์ ชั้นเดียว 2 ชั้น บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว มาขายให้กับนักลงทุนที่สนใจ โดยบริษัทรับประกันซื้อบ้านคืนในราคาเดิม บวกดอกเบี้ย 5.25% หรือหากราคาในตลาดดีกว่าที่บริษัทรับซื้อคืน ก็สามารถนำไปขายให้กับรายอื่นได้ แต่มีเงื่อนไขว่าผู้ที่ซื้อบ้านตัวอย่างจะต้องให้บริษัทเช่า เพื่อใช้เป็นบ้านตัวอย่างให้ลูกค้าชมเช่นเดิม โดยลูกค้าจะได้ค่าเช่าบ้านเป็นค่าตอบแทน

“แคมเปญนี้ บริษัทพุ่งเป้าไปที่นักลงทุนที่ต้องการเงินตอบแทนในรูปของค่าเช่า ซึ่งมากกว่าดอกเบี้ยที่จะได้จากแบงก์ และหากไม่ต้องการบ้านแล้ว เพราะเห็นว่าบ้านอาจจะทรุดโทรมจากการที่บริษัทนำไปให้ลูกค้าชม ก็สามารถขายคืนให้กับวังทองได้”

ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่ซื้อทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ในราคา 1,379,648 บาท จะได้ค่าเช่าเดือนละ 4,000 บาท และเมื่อต้องการขายคืน บริษัทจะรับซื้อคืนในราคาเดิมบวกดอกเบี้ย 5.25% คิดเป็นราคาซื้อคืนเท่ากับ 1,431,050 บาท และหากเปรียบเทียบกับลูกค้าที่นำเงินไปฝากกับสถาบันการเงินทั่วไป จะได้ดอกเบี้ยเพียง 3.25% และต้องเสียภาษี 15% รวมเป็นมีผลตอกแทนจากการลงทุนในปีแรก จำนวน 38,113 บาทหรือ 2.76% ส่วนที่ลงทุนกับวังทอง กรุ๊ป จะได้ดอกเบี้ย 5.25% (ไม่เสียภาษี) คิดเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนในปีแรก 48,000 บาท บวกกับกำไรจากการขายคืนอีก 51,402 บาท รวมเป็นได้ผลตอบแทน 99,402 บาท หรือ 7.2%

ปราโมทย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของบริษัทจะได้เงินสดหมุนเวียนราว 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ไม่มีภาระดอกเบี้ยจ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่ดอกเบี้ยแพง ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยจ่ายได้มาก โดยบริษัทจะนำเงินไปลงทุนโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากลูกค้าต้องการที่จะขายคืน บริษัทนำไปตกแต่งและนำไปขายต่อไป ซึ่งน่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ไม่เคยลดลง ตั้งเป้าขายได้ 50% ภายในเดือนก.พ.นี้

นอกจากแคมเปญดังกล่าว บริษัทยังมีแผนที่จะทำแคมเปญ“บ้านแลกบ้าน” โดยลูกค้าที่ซื้อบ้านของวังทองฯสามารถนำมาแลกบ้านในโครงการอื่นของวังทองได้ด้วย โดยคิดราคาให้ในราคาเดียวกับราคาตลาด ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวโน้มความเป็นไปได้ น่าจะสรุปผลจะเริ่มแคมเปญภายในไตรมาสแรกปีนี้ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก เพราะแผนการขยายการลงทุนของวังทองจะขยายทำเลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากทั้งสองแคมเปญประสบความสำเร็จ ในช่วงไตรมาสสองเป็นต้นไป จะผนวกสองแคมเปญเข้าด้วยกัน และจัดเป็นแคมเปญพิเศษ เพื่อสร้างทางเลือกให้กับลูกค้า

โดยในปีนี้บริษัทจะขยายการลงทุนไปสู่เอกมัย-รามอินทรา,ประชาชื่น,บางนาและอ่อนนุช ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาซื้อที่ดิน ซึ่งจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องผังเมือง ที่กำลังจะออกมาบังคับใช้ ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินงาน 5 แห่ง ได้แก่ บ้านภุมริน รังสิต ,บ้านวราบดินทร์-วงแหวน ลำลูกกา ,บ้านวราบดินทร์ รังสิต-วรารักษ์ ,บ้านวรารักษ์ โรจนะ-วังน้อย และบ้านเจษฎา 9 รังสิต


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.