|
"น้ำเทิน 2" ผลิตไฟได้มากสุดในอาเซียน EGCO หน้าบานเตรียมเข็นโครงการเพิ่ม
ผู้จัดการรายสัปดาห์(13 กุมภาพันธ์ 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ความต้องการไฟฟ้าในประเทศมักจะแปรผันตามความเจริญ และการเติบโตทางเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา เขื่อนน้ำเทิน 2 ซึ่ง เป็นหนึ่งในโครงการต่อเนื่องของรัฐบาลไทยและรัฐบาลลาวในการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 3,000 เมกกะวัตต์ โดยเขื่อนน้ำเทิน 2 จะเป็นเขื่อนที่เกิดขึ้นเพื่อการผลิตไฟฟ้าโดยเฉพาะและ จะเริ่มดำเนินการส่งกระแสไฟฟ้ามายังไทยในปีพ.ศ. 2552
สำหรับเขื่อนน้ำเทิน 2 ดำเนินการภายใต้ บริษัท น้ำเทิน 2 พาวเวอร์ จำกัด ( NTPC ) ถือกำเนิดขึ้นมาจากการร่วมทุนกันระหว่าง บริษัทการผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO 25%, รัฐบาลลาว 25% ,บริษัท EDF International 35% และ บริษัทอิตาเลี่ยนไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ITD อีก 15% ซึ่งตอนนี้โครงการกำลังเดินหน้าไปได้กว่า 40% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2552
มร.ลูดเดอร์วิก เดลเพลนเกอร์ Communication Advisor บริษัท Nam Theun 2 Power Co., Ltd. (NTPC) เปิดเผยว่า เขื่อนน้ำเทิน 2 จะเป็นเป็นเขื่อนที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากที่สุดในอาเซียน ทั้งนี้คาดว่าปริมาณกระแสไฟฟ้าจากเขื่อนน้ำเทินทั้งหมด คิดเป็น 6% ของความต้องการใช้ไฟของไทยระหว่าง ปี พ.ศ 2552- 2559 เพราะแม้ขนาดเขื่อนจะไม่ใหญ่ มีพื้นที่เก็บน้ำเพียง 4,000 ตารางเมตร แต่ทางบริษัท ได้ใช้วิธีการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำมาผลิตกระแสไฟฟ้า ความสูงของเขื่อน 40 เมตร ยาว 325 เมตร ขวางกั้นลำน้ำเทิน เพื่อเปลี่ยนเส้นทาง ไหลของแม่น้ำให้มารวมกันจนเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จากนั้นปล่อยน้ำ ผ่านอุโมงค์ทะลุภูเขา ลงมาปั่นกังหัน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ที่โรงไฟฟ้า ซึ่งตั้งอยู่ที่เชิงเขา การที่ปล่อยน้ำลงมาผ่านอุโมงค์ทะลุภูเขาทำให้เกิดการผลิตปริมาณไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากเดิม
ทั้งนี้ราคาขายให้กับทางประเทศไทยนั้นก็ถือว่าถูกมากกว่าอัตราเฉลี่ยทั่วไป โดยทางบริษัทน้ำเทิน 2 นั้นจะขายกระแสไฟฟ้าให้กับไทยในราคา 1.75 บาท / หน่วย อีกทั้งจะทำการผลิตส่งให้ไทยตั้งแต่เวลา 6.00 น - 22.00 น. รวมเป็นเวลากว่า 16 ชั่วโมง โดยทางลาวจะต้องส่งกระแสไฟฟ้าให้ประเทศไทยเป็นเวลา 25 ปี และหลังจากเขื่อนน้ำเทินจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของทางรัฐบาลลาว
อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว โรงงานผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่มีอยู่ในเมืองไทยกับ9 เขื่อน เทียบกับ เขื่อนน้ำเทินนั้น เขื่อนน้ำเทินมีกำลังการผลิตมากที่สุด โดยอยู่ที่ 5,936 กิโลวัตต์ / ปี ขณะที่เขื่อนอื่นๆเช่น เขื่อนภูมิพลอยู่ที่ 1,068.7 กิโลวัตต์/ปี เขื่อนสิริกิตติ์ อยู่ที่ 1,476.7/ปี และเขื่อนศรีนครินทร์อยู่ที่ 1,336.5 กิโลวัตต์/ปี อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับเขื่อนในลาวเอง เขื่อนน้ำเทิน 2 ก็ถือว่ามีกำลังการผลิตที่มากที่สุดอีกด้วย
ลูโดวิก กล่าวอีกว่า นอกจากไทยจะได้ไฟฟ้าในราคาที่ถูกให้ใช้เป็นเวลา 25 ปี แล้ว ทางประเทศลาวก็ยังมีรายได้เพิ่มเข้าประเทศกว่า 80 ล้านเหรีญสหรัฐ/ ปี หรือกว่า 3,200 ล้านบาท สามารถผลักดัน GDP ให้โตได้ถึง 30% จากโครงการเขื่อนน้ำเทินเพียงโครงการเดียว แม้จะต้องย้ายประชากรบางส่วนที่อยู่บริเวณเขื่อนให้ออกมาอยู่รอบนอก แต่ทางบริษัทก็ได้แนะนำส่งเสริมอาชีพให้ทดแทน อีกทั้งทางบริษัทได้แบ่งเป็นเขตพื้นที่สีชมพูรอบๆเขื่อนเพื่อดูแลรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
นอกจากโครงการน้ำเทิน 2 แล้ว ทางEGCO ก็กำลังเตรียมโครงการเขื่อนอื่นๆเข้ามาเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอีกด้วย เช่นโครงการแก่งคอย 2 ซึ่งจะสามารถให้การผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในหน่วยที่1 ไตรมาสแรก ในปี 2550 แลหน่วยที่สอง สามารถผลิตได้ในปี 2551 จำนวน 1463 เมกกะวัตต์ และโครงการน้ำเทิน 1 คาดว่าจะสามารถดึงรายได้ของ EGCO ให้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|