SOLARกู้เงินธ.ไทยพาณิชย์1.6 พันล้านหนุนสร้างโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์


ผู้จัดการรายวัน(10 กุมภาพันธ์ 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

SOLAR แจงการขอสินเชื่อจากแบงก์ไทยพาณิชย์ 1,600 ล้านบาท เพื่อหนุนการสร้างโรงงานผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ มูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท แทนการนำเข้าและลดต้นทุนได้กว่า 20% เชื่อจะเสริมฐานะทางการเงินแกร่งและมีศักยภาพชำระหนี้

นางปัทมา วงษ์ถ้วยทอง เลขานุการคณะกรรมการบริษัท บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน)(SOLAR ) แจ้งว่าสืบเนื่องจากการที่บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) ได้ระดมทุนโดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO)จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,100 ล้านบาท

โดยโรงงานดังกล่าวจะเป็นโรงงานผลิตแบบต้นน้ำ (Upstream)รายแรกและรายเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ ลดต้นทุนในการผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ลงถึง 20% และช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้แก่บริษัทฯทั้งในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศตามสภาวะการณ์การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ทั่วโลก

อนึ่ง นอกเหนือจากเงินที่บริษัทฯ ได้รับเงินจากการเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 464 ล้านบาทและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ บริษัทฯยังมีความจำเป็นที่ต้องจัดหาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการตามโครงการดังกล่าวซึ่งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2549 วันที่ 30 มกราคม 2549 อนุมัติให้ลงนามในสัญญาเงินกู้ยืมจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2549

โดยมีรายละเอียดของวงเงินดังนี้คือ L/C+LOAN (Letter of Credit + Loan) วงเงิน 800 ล้านบาท เพื่อสั่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการก่อสร้างโรงงาน ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งบริษัทสามารถเบิกเงินกู้เพื่อตัดชำระ L/C สูงสุดไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยทยอยเบิกเงินกู้สิ้นสุดภายในปี 2549

นอกจากนี้ ยังมีวงเงิน F/E (S) (Forward Exchange Sold) จำนวน 800 ล้านบาท เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน สำหรับวงเงิน L/C + Loan สำหรับการสั่งซื้อเครื่องจักร โดยมีหลักประกันเป็น การจำนองเครื่องจักร ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์

จากงบการเงินสิ้นสุดงวดวันที่ 30 กันยายน 2548 บริษัทฯ มีสัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่า กับ 0.32 เท่า และอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยที่ 54.1 เท่า ดังนั้นในกรณีที่หากบริษัทฯ มีการใช้วงเงินกู้ทั้งหมดคาดว่าจะมีรายจ่ายดอกเบี้ยประมาณปีละ 16 ล้านบาท ซึ่งกระทบต่อผลการดำเนินงานค่อนข้างน้อยและสัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 0.85 เท่า อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยลดลงเหลือ 24.6 ซึ่งถือว่าดีกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน

ดังนั้น แม้จะมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นแต่อัตราส่วนดังกล่าวก็ชี้ให้เห็นว่าบริษัทฯ ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพเพียงพอในการชำระหนี้ซึ่งการจัดหาแหล่งเงินกู้เพิ่มเติมครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับบริษัทฯสำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทฯในการสร้างรายได้และกำไร ตามภาวะการเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตเซลล์แสงอาทิตย์

นอกจากนี้ SOLAR ยังอยู่ในระหว่างการรอผลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่จะอนุมัติให้ใสำคัญแสดงสิทธิของ SOLAR จำนวน 150 ล้านหน่วยเพื่อขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม อายุ 2 ปี ที่จะเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยขณะนี้ ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งแล้ว คาดว่าจะได้เทรดในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งบริษัทต้องการระดมทุนเพื่อหนุนการสร้างโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ดังกล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.