"ธรรมนูญ หวั่งหลี ลูกหม้อทีจี บริหารงานการบินไทยหายห่วง"

โดย พิจิตรา ยิ้มจันทร์
นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2540)



กลับสู่หน้าหลัก

ธรรมนูญ หวั่งหลี ผู้นั่งในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อาจเป็นลูกหม้อคนแรกที่อยู่ในระดับสูงสุดด้วยโค้ดย่อ DD เป็นระยะเวลานานถึง 6 ปี นับจากปี 2536 เมื่อเข้ารับตำแหน่ง เพราะสถานการณ์ของการบินไทยในยุคฝ่าคลื่นลมทางเศรษฐกิจการเมือง คนของรัฐยังไม่สามารถเฟ้นหาตัวคนที่จะมาบริหารสายการบินแห่งชาติที่มีอายุกว่า 37 ปีแห่งนี้ได้

แม้จะมีข่าวการปรับเปลี่ยนตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของการบินไทย โดยที่จะไม่มีชื่อธรรมนูญ หวั่งหลีอีกต่อไป ซึ่งเป็นไปตามวาระที่ธรรมนูญจะอยู่ครบ 4 ปี ในวันที่ 30 กันยายน 2540 การครบวาระของธรรมนูญดูจะเป็นตัวเร่งให้เกิดกระแสข่าวนี้ แต่ใครจะรู้ดีว่า ช่วงเวลาที่จะถึงก่อนเดือนกันยายน 2542 จะมีรัฐมนตรีคมนาคมคนไหนสามารถควานหาตัวมืออาชีพมาเปลี่ยนแทนธรรมนูญได้

ขณะที่คนในหลายคนยังไม่ได้รับการยอมรับทั้งจากระดับบน และระดับล่าง ยิ่งคนนอกก็ยิ่งยากไปอีก เพราะการจะหาเอกชนมารับตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจ รัฐมนตรีผู้แต่งตั้งย่อมต้องถูกเพ่งเล็งว่าดึงพวกพ้องของตนเองมา และจะได้รับแรงต่อต้านจากพนักงานภายในบริษัท

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อยู่ภายใต้นโยบายการบริหารงานของกระทรวงคมนาคมที่มีรัฐมนตรีมาจากนักการเมืองของพรรคการเมืองต่าง ๆ สับเปลี่ยน หมุนเวียนกันไปแล้วแต่ว่าพรรคไหนจะได้เสียงข้างมากพอที่จะสถาปนาคนของพรรคมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงได้

การขึ้นมาของนายธรรมนูญในฐานะ "คนใน" การบินไทย เป็นการสืบทอดตำแหน่งผู้บริหารจากระดับธรรมดา สู่ระดับสูงสุดต่อเนื่องจากฉัตรชัย บุญยะอนันต์ ซึ่งเกษียณอายุไปเมื่อเดือนกันยายน 2536

ฉัตรชัยนั้นอยู่ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ได้เพียงปีเดียวก็เกษียณไป

การเข้ามารับตำแหน่งของธรรมนูญ สร้างประวัติศาสตร์การต่อรองระหว่างกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ กับกระทรวงคมนาคมต้นสังกัดคุมนโยบาย เพราะฝ่ายคลังเสนอชื่อกัปตันอุดม กฤษณัมพก ซึ่งเป็นกรรมการรองผู้อำนวยการใหญ่ของการบินไทย ขณะที่กระทรวงคมนาคม โดย พ.อ. วินัย สมพงษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ และทวี ไกรคุปต์เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ต้องการผลักดันธรรมนูญอย่างเต็มที่

ศักดิ์ศรีความเป็นลูกหม้อของบริษัทการบินไทยของกัปตันอุดม และธรรมนูญมีเท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าเสียงข้างมากในคณะกรรมการที่โหวตให้ใครได้รับตำแหน่งนั้น ฟากคลังกับคมนาคม ใครจะมากกว่ากัน

ในตอนแรกเสียงคณะกรรมการ 2 ฝ่ายเท่ากัน มาตัดสินชี้ขาดกันที่ประธาน ซึ่งขณะนั้นคือพลอากาศเอกกันต์ พิมานทิพย์

ตอนนั้นหลายคนก็ยังไม่เชื่อฝีมือธรรมนูญ ถึงกับมีประกาศนโยบายให้ธรรมนูญทดลองงานในหน้าที่ไประยะหนึ่งก่อน หากไม่เป็นที่พอใจค่อยปลดออก

ธรรมนูญเอง คงเข้าประเภทนั่งได้ไม่ติดเก้าอี้ เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลอีกครั้ง ดร. วิชิต สุรพงษ์ชัย อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแทน พ.อ. วินัย และได้แต่งตั้งอมเรศ ศิลาอ่อน ขึ้นมาเป็นประธานคณะกรรมการการบินไทย ก็เริ่มมีข่าวว่าจะปลดธรรมนูญอีก

เป้าหมายที่วิชิตเจาะจงไปที่การทำงานของธรรมนูญก็คือเรื่องระบบบัญชี ซึ่งไม่มีความชัดเจน และโปร่งใสในสายตากระทรวงคมนาคม และเร่งให้บริษัท เค พี เอ็ม จี พีค มาร์วิค แอนด์ สุธี เร่งศึกษาระบบบัญชีของการบินไทยโดยเร็ว และเน้นไปว่า บริษัทฯ ควรรายงานในระบบศูนย์กำไร หรือ PROFIT CENTER เพื่อจะได้ทราบว่าการทำงานส่วนไหนมีต้นทุนกำไรเป็นอย่างไร เพื่อจะรู้ผลการทำงานของผู้บริหาร

ความไม่ลงตัวระหว่างกระทรวงคมนาคม กับการบินไทยเด่นชัดมากขึ้น เมื่อคณะกรรมการชุดอมเรศ เข้าไปเจาะจงดูนโยบายเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินโดยเฉพาะเรื่องการจำกัดประเภทเครื่องบินในฝูงบินการบินไทยจาก 15 แบบ ให้เหลือเพียง 5 แบบ คณะกรรมการบางคนที่ช่วยอมเรศทำงานคือ ศิวะพร ทรรทรานนท์ แต่ก็ถูกมองว่าให้การสนับสนุนซื้อเครื่องบินโบอิ้งจำนวนถึง 50 ลำ โดยเดินทางไปหารือกับบริษัทโบอิ้งถึงสหรัฐอเมริกา

ข้อสรุปเรื่องฝูงบินใหม่การบินไทยไม่ยุติ วิชิตพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตามวาระของรัฐบาลชวน หลีกภัย เรื่องปลดธรรมนูญก็เงียบหาย อมเรศ กับศิวะพร และโสภณ สุภาพงษ์ ประกาศลาออกจากกรรมการการบินไทยในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก ทั้งที่นั่งอยู่ในคณะกรรมการได้เพียง 7 เดือน

อมเรศยื่นหนังสือลาออกจากการบินไทยเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2538 ด้วยเหตุผลเพื่อเปิดทางให้รัฐมนตรีคมนาคมคนใหม่ คือวันมูหะมัดนอร์ มะทา สรรหาคนอื่นมานั่งเป็นประธานแทน

แต่ก่อนหน้านี้ระยะ 2-3 เดือน อมเรศก็แทบไม่ได้เข้าไปยุ่งกับงานการบินไทยมากนัก ด้วยหลายเหตุผล ซึ่งเหตุผลหนึ่งนั้นคือไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารเท่าที่ควร

"ถ้าคุณวิชิต กับคุณอมเรศ อยู่นานจนครบวาระเรื่องปลดคุณธรรมนูญ คงมีแน่" แหล่งข่าวจากผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยคนหนึ่งเล่าให้ "ผู้จัดการรายเดือน" ฟัง แม้จะมีการโยงใยสายสัมพันธ์ว่าธรรมนูญสามารถผูกสัมพันธ์กับนายกฯ ชวนเป็นอย่างดีก็ตาม

ในรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา สถานภาพของธรรมนูญในยุคของวันนอร์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แทบจะเรียกได้ว่าถูกโยกคลอนหลายครั้ง ด้วยเหตุความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับพนักงานในบริษัท อย่างกรณีการขายเครื่องบินแอร์บัสเอ 340 ในราคาถูก ทั้งที่มีการซ่อมแซมเครื่องบินให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ถูกขายทิ้งแบบราคาซาก

การปลดพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ร้องเรียนเรื่องความขัดแย้งกับฝ่ายบริหารที่ต้องการปลดพนักงานต้อนรับหญิงบนเครื่องในวัย 45 ปี หรือกรณีที่มีการจ้างนักบินต่างประเทศ ด้วยอัตราค่าจ้าง และค่าสวัสดิการแพงกว่านักบินในประเทศไทย อันเป็นคลื่นใต้น้ำที่ธรรมนูญต้องเข้าไปสะสาง

มีข่าวออกมาโดยตลอดว่า วันนอร์ต้องการให้มีการสอบสวนเรื่องซากเครื่องบินแอร์บัสอย่างโปร่งใสซึ่งคณะกรรมาธิการคมนาคม เข้ามาตรวจสอบจนถึงการบินไทย คณะกรรมการ ป.ป.ป. ก็เข้ามาสอบหาข้อเท็จจริงด้วย

อีกเช่นกันที่ธรรมนูญรอดตัวมาได้ในที่สุด โดยมีผู้รับผิดชอบกับคดีเรื่องแอร์บัสคือ น.ต. พงษ์สาวิตร บุณยินทุ ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายช่าง

ภายในการบินไทยเองก็มีการปรับโครงสร้างบริหารงาน มีการควบฝ่ายงานด้านนโยบายกับปฏิบัติเข้าด้วยกัน ด้วยเหตุผลที่ธรรมนูญระบุว่าเป็นการลดขั้นตอนการทำงาน และปัญหาการแบ่งพรรคแบ่งพวก แต่ที่สำคัญกว่าคือธรรมนูญ คุมฝ่ายปฏิบัติงานได้มากขึ้น เพราะหน่วยงานจะขึ้นอยู่กับคนที่ธรรมนูญไว้ใจมากที่สุด

และอีกเช่นกันที่มีคนเอ่ยถึงสายสัมพันธ์ของธรรมนูญ กับบรรหาร เพราะธรรมนูญเคยเป็นที่ปรึกษา มท. 1 เมื่อปี 2532

ขณะที่สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ซึ่งรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต้องการใช้อำนาจคลังเข้ามาดูแลการบินไทยเองแทนกระทรวงคมนาคม แต่ก็ได้รับการคัดค้าน เพราะหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ไม่ต้องการให้หน่วยงานนี้ไปอยู่กับพรรคอื่น

ยุคของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ คนปัจจุบัน ในช่วงที่ธรรมนูญทำงานในการบินไทยใกล้ครบวาระ 4 ปี แต่การที่เคยรู้จักและได้ทำงานใกล้ชิดกับ พล. อ. ชวลิต ยงใจยุทธมาก่อน ทำให้ธรรมนูญก็ยังไม่มีปัญหากับทางกระทรวงคมนาคม

แม้ปลัดกระทรวงคมนาคม อย่างมหิดล จันทรางกูร เองจะไม่พอใจการทำงานของธรรมนูญในหลายเรื่อง แต่ก็ต้องฟังนโยบายจากรัฐมนตรีเท่านั้น จึงทำให้มหิดล ไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธรรมนูญมากนัก

"คุณธรรมนูญ มีความสามารถยึดหลักการที่ผู้บริหารการบินไทยหลายคนคงไม่สามารถทำตามแบบได้ เขาสามารถเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีไม่ว่าจะเปลี่ยนกี่รัฐบาล หากมีปัญหาระดับหนึ่งก็สามารถขึ้นไปหาระดับที่สูงกว่า"

"ธรรมนูญนั้น ยึดหลักการทำงานเหมือนกับ พล.อ.อ. สมบุญ ระหงษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยเป็นผู้ว่าการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ซึ่งลักษณะของผู้ว่าฯ สมบุญ เป็นคนที่เข้ากับทุกคนได้ดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับคนทุกระดับ สนิทสนมกับคนในหลากหลายอาชีพ มีสังคมมาก เพื่อนฝูงเยอะและใจกว้าง ใจถึง ก็เลยสามารถทำงานได้คล่องตัว เพราะรู้จักคนมากนี่เอง

"โดยเฉพาะงานในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของสายการบิน สามารถอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปต่างประเทศให้คนหลายระดับ บางส่วนธรรมนูญอาจปฏิเสธได้ แต่ส่วนใหญ่ก็จะไม่ปฏิเสธ แต่หากต้องการเสี่ยง ธรรมนูญก็จะไม่อยู่ในที่ทำงาน และไม่รับสาย โดยจะออกงานภายนอกบริษัทหรือไปต่างประเทศเสียส่วนใหญ่ เรื่องเหล่านี้เลยลดลงไปได้บ้าง ก็เลยไม่มีใครตำหนิได้" แหล่งข่าวในการบินไทยคนหนึ่งกล่าว

การทำงานของธรรมนูญ ผู้บริหารหลายคนในการบินไทยคงไม่มีใครทำได้ ความสามรถระดับนี้จึงเหมาะเป็นผู้บริหารการบินไทยในยุคนี้ หากการบินไทยยังคงมีการควบคุมโดยระบบการเมืองอยู่

สำหรับธรรมนูญ หวั่งหลี เองเขาเติบโตมาในตระกูลของนายธนาคาร ทำให้เป็นที่รู้จักดีในแวดวงการเงิน โดยเฉพาะธรรมนูญจบการศึกษาด้านการเงินจากสหรัฐอเมริกา เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายเงินตราต่างประเทศ ธนาคารเชสแมนฮัตตัน สาขากรุงเทพฯ และเคยเป็นสมุห์บัญชี บริษัท อี๊สต์เอเชียติ๊ก จำกัด

พอรับงานที่การบินไทยเมื่อปี 2512 ก็ทำหน้าที่ผู้จัดการแผนกบัญชี ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทั่วไปและการเงิน ขึ้นมาจนถึงตำแหน่งผู้ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงิน และตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายการเงินและการบัญชี ซึ่งถือได้ว่าคุมด้านการเงินของการบินไทยมาโดยตลอด

"เพราะอยู่ในแวดวงการเงิน คุณธรรมนูญเลยมีเพื่อนที่อยู่ในฝ่ายการเงินจำนวนมาก แม้แต่คุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ก็ยังรู้จักสนิทสนมกันดี"

นอกจากคลุกคลีอยู่ในแวดวงการเงิน สถานภาพทางสังคมของธรรมนูญเอง ก็ทำให้ได้รับการยอมรับจากคนภายนอก เพราะธรรมนูญเข้ารับเป็นกรรมการในกิจการเพื่อการกุศล และด้านกีฬาอยู่หลายแห่ง ทำให้ธรรมนูญมีคนรู้จักมากมายหลายวงการ

สายสัมพันธ์ที่มีอยู่มากมายทำให้ธรรมนูญสามารถโยงใยไปถึงบุคคลที่ต้องการติดต่อได้ ในกรณีจำเป็น

นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า ธรรมนูญมีความสามารถมากแค่ไหน และยังไม่มีทีท่าจากสุวัจน์ว่าจะหาใครมาแทนธรรมนูญ

อีกฟากหนึ่ง หากต้องมีการเปลี่ยนตัวจริง จะเฟ้นหาคนมาทดแทนธรรมนูญที่เชี่ยวชาญในด้านการบริหารการบินขณะนี้ คงหาได้ยากยิ่ง

แม้กระทรวงการคลังในยุคที่ ม.ร.ว. จัตุมงคล โสณกุลเป็นปลัดกระทรวงฯ และเป็นกรรมการการบินไทยในฐานผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็มีความคิดที่จะเปลี่ยนตัวธรรมนูญไปจากการบินไทยโดย "หม่อมเต่า" ถึงกับเคยกล่าวว่า ที่คลังระงับเรื่องการแปรสภาพการบินไทยโดยการขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปในตลาด เกรงว่าจะหาคนซื้อยาก เพราะมีผู้บริหารชื่อธรรมนูญ

แต่ในฝ่ายบริหารการบินไทยนั้น หากมองดูแล้วยังไม่สามารถหาคนในตำแหน่งระดับรองที่พอจะทาบรัศมีธรรมนูญได้น้อยคนนัก

โดยเฉพาะการทำงานในสไตล์แบบธรรมนูญ

ในยุคของธรรมนูญมีการปรับโครงสร้างและแต่งตั้งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ต่าง ๆ ถึง 6 ฝ่าย และผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ 2 คนซึ่งเชี่ยวชาญคนละด้านเพื่อกระจายงานให้ช่วยกันดูแล แต่ละคนยังไม่สามารถดูแลงานได้ครอบคลุมหมดทุกด้าน เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนมีรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่แค่ 2 คน

ดูเหมือนว่าธรรมนูญจะไว้ใจพิสิฐ กุศลาไสยานนท์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ให้ทำงานแทนได้มากที่สุด แต่พิสิฐก็ยังมีงานอีกหลายด้านที่ยังไม่เชี่ยวชาญ และมีการระบุว่าเป็นการทำงานที่จำเป็นต้องไว้ใจ

ขณะที่มีข่าวถึงกัปตันสอาด ศบศาตราศร ซึ่งเป็นหนึ่งในรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ว่าเป็นผู้สร้างข่าวปลดธรรมนูญ ซึ่งก็มีการเคลียร์กันในระดับผู้บริหารเรียบร้อย และกัปตันสอาดก็ยอมรับด้วยตนเองว่า คงไม่สามารถขึ้นไปนั่งในตำแหน่ง DD ได้แน่ และไม่เคยคิดที่จะ "เลื่อย" อย่างแน่นอน "ผมกับธรรมนูญทำงานด้วยกัน รักกันดี เรื่องอะไรผมจะไปแย่งตำแหน่งเขา"

เรื่องการสรรหาคนนอกก็ยิ่งทำได้ยากกว่า ในเมื่อรูปแบบของการบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจ หากใช้วิธีเดิมคือหาคนกลางมานั่งบริหาร เพื่อป้องกันการแบ่งผลประโยชน์จากพรรคการเมือง ซึ่งก็คือคนจากกองทัพอากาศ ก็คงหมดยุคแล้ว เพราะนโยบายกองทัพในปัจจุบันไม่ต้องการเข้ามายุ่ง

ส่วนที่จะเป็นนักธุรกิจจากเอกชน ก็ยังไม่มีใครที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารการบินกล้าเสนอตัวเองเข้ามารับงานหินที่การบินไทย สาเหตุหนึ่งเพราะไม่ต้องการเปลืองตัวอีกทั้งอาจได้แรงต่อต้านจากพนักงานในบริษัท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.