|
KMCเล็งแปลงสนามกอล์ฟเป็นทุน ดึงกองทุนฯซื้อ-โหมเพิ่มพอร์ตรายได้ค่าเช่า
ผู้จัดการรายวัน(7 กุมภาพันธ์ 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
กฤษดาฯเร่งปรับแผนธุรกิจ เล็งแปลงโครงการ สนามกอล์ฟเป็นทุนผุดกองทุนรวมอสังหาฯ พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างรายได้ เพิ่มฐานค่าเช่าสูงขึ้น 10% นำร่องเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ติดโครงการเดอะคริส รัชดา เตรียมเงินลงทุนอีก 300 ล้านบาท ปรับคอนเซ็ปต์โครงการกฤษดาดอยสู่โรงแรมระดับ 5 ดาว
นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการอาวุโสบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยถึงแผนการปรับโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯว่า ในช่วงที่ผ่านมารายได้หลักของกฤษดาฯจะมาจากการขายโครงการ ที่อยู่อาศัยถึง 100% แต่ด้วยภาวะของตลาดอสังหาฯ ทำให้บริษัทต้องมีการบริหารความเสี่ยง กระจายการลงทุนไปสู่การพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้ที่สม่ำเสมอในระยะยาว ซึ่งจะเป็นรูปแบบของค่าเช่าที่จะเป็นกระแสเงินสดในการ เลี้ยงองค์กรมากขึ้น โดยในขณะนี้ บริษัทฯมีรายได้จากค่าเช่าหลายรูปแบบ อาทิ โครงการกฤษดาพลาซ่า, โครงการกฤษดาซิตี้ กอล์ฟ ฮิลล์ ถนนปิ่นเกล้า-เพชรเกษม และโครงการธนานนท์ กอล์ฟ วิว แอนด์ สปอร์ตคลับ ถนนราม- อินทรา-ประชาร่วมใจ ทั้ง 2 สนามกอล์ฟสามารถสร้างรายได้ประมาณ 8 ล้านบาทต่อเดือน และหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว จะมีรายได้สุทธิ 6 ล้านบาทต่อเดือน รวมแล้วทั้งปีไม่ต่ำกว่า 72 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ภายในโครงการยังมีการพัฒนาที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และอื่นๆ ให้แก่ลูกค้า
"เรามองว่าสนามกอล์ฟทั้ง 2 แห่งมีศักยภาพ สามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ จึงคิดว่าน่าจะแปลงสินทรัพย์เป็นเงินเข้ามาได้ โดยขณะนี้กำลังเจรจาเพื่อขายสนามกอล์ฟให้แก่กองทุนรวมอสังหาฯที่เล็งเห็นศักยภาพ ในการไประดมทุน ขณะเดียวกันบริษัทจะมีรายได้จากค่าบริหารจัดการ ซึ่งทั้ง 2 สนามกอล์ฟมีมูลค่าไม่ ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท"นายวิรัตน์ กล่าว
สำหรับโครงการที่จะขยับขยายเพื่อรองรับรายได้ระยะยาวนั้น นายวิรัตน์กล่าวว่า บริษัทฯมีแผน ที่จะนำที่ดินบนเนื้อที่ 4 ไร่ (เดิมมี 8 ไร่ แต่แบ่งพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ เดอะคริส รัชดา เนื้อที่ 4 ไร่ในขณะนี้) มาลงทุนเพื่อพัฒนาเป็นโครงการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ซึ่งจะเกื้อหนุนให้กระแสเงินภายในบริษัทฯมากขึ้น
"เราพัฒนาโครงการมาจำนวนมาก ก็เข้าใจถึงสภาพตลาดและโอกาสที่จะมีรายได้จากการขายบ้าน แต่อย่าลืมเราต้องลงทุนทำโครงการขึ้นมา แต่กว่าจะได้รับรายได้ก็เข้าสู่ปีที่ 2 แต่หากเป็นเงินสดก็อาจร่วมเข้าปีที่ 2 ปีที่ 3 ก็มี ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือ หาช่องที่จะเพิ่มรายได้ที่คงที่และยาว จึงเป็นแนวทางที่ต้องเร่งดำเนินการ แต่เป็นการแตกไลน์ที่ไม่ได้ออกจากความชำนาญของบริษัท" นายวิรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ โครงการทางด้านรีสอร์ตจะเป็นหนทางของการลงทุน ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนที่จะลงทุนอีก 300 ล้านบาท ในโครงการกฤษดาดอย เชียงใหม่ เอไพร์ม รีสอร์ต จากเดิมที่มีเพียง 10 ยูนิตในรูปแบบรีสอร์ต เพิ่มเป็น 70 ยูนิต ซึ่งจะเป็นรูปแบบโรงแรมระดับ 5 ดาว มีบริษัทกฤษดา โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ทดำเนินการ ทั้งนี้ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 50% และอยู่ระหว่างติดต่อกับโรงแรมเชนต่างประเทศเข้ามาบริหาร
นายวิรัตน์ กล่าวถึงตลาดอสังหาฯว่า โครงการรถไฟฟ้าที่เปิดใช้บริการและที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นแหล่งที่จะดึงดูดให้นักพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยไปลงทุนและยึดพื้นที่รองรับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ให้ความสำคัญกับโครงข่ายการขนส่ง ในภาวะที่ราคาน้ำมันยังไม่นิ่ง ส่งผลให้ต้นทุนค่าเดินทางสูงขึ้น ขณะที่แนวโน้มของรายได้ไม่เพิ่มขึ้นตามค่าครองชีพ อย่างไรก็ตาม โครงการที่บริษัทพัฒนาเกือบ 50% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด เฉลี่ยราคาอยู่ที่ 4 ล้านบาท แต่ ไม่เกิน 8 ล้านบาท ราคาระดับ 2-4 ล้านบาท จะมีสัดส่วน 20% ของมูลค่าฯ และ 8-20 ล้านบาทมีฐานอยู่ที่ 30% ทั้งนี้ จากข้อมูล หากคนที่อยู่ในวัยทำงานอายุไม่เกิน 35 ปี รายได้เกิน 70,000 บาทต่อเดือนต่อครอบครัว อาจมีกำลังที่จะไปดูที่อยู่อาศัยในราคา 30,000 ต่อตร.ม. และถ้าเป็นคนทำงาน แต่อยู่แค่ 2 คน มีรายได้ประมาณ 70,000 บาทต่อเดือน สามารถดูที่ 50,000 ต่อตร.ม.ได้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|