ต่างชาติทิ้งหุ้นทำกำไร หวั่นการเมืองบานปลาย


ผู้จัดการรายวัน(7 กุมภาพันธ์ 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดหุ้นระส่ำนักลงทุนไม่ วางใจการชุมนุมใหญ่ 11 ก.พ. ระหว่างวันทรุดไป 11 จุด ก่อนรีบาวนด์ช่วงท้ายก่อนปิดเทรด "กิตติรัตน์"ระบุปัจจัยลบมีหลายเรื่อง "การเมือง-กฟผ.-ไทยเบฟฯ" ด้าน "วิสิฐ" เลขาฯ กบข. ระบุปัจจัยการเมืองไม่กระทบเศรษฐกิจ บล. เกียรตินาคิน ระบุแถลงผลงานรัฐบาล 9 ก.พ.ไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้น ด้านบล.ไทยพาณิชย์ระบุต่างชาติเริ่มเทขายต่อ รับ 2 ต่อหลังค่าเงินบาทอ่อนตัว คาดดัชนีวันนี้ซึมต่อ โบรกฯแนะขายหุ้นใหญ่

ภาวะการลงทุนในตลาด หลักทรัพย์ฯวานนี้ (6 ก.พ.) เปิดตลาดในช่วงเช้าดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนบวก ก่อนที่จะมีแรงเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ภายหลังดัชนีเกือบตลอดทั้งวันเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ โดยปิดที่ 744.12 จุด ลดลง 2.97 จุด หรือ 0.40% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 749.99 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 735.91 จุด มูลค่าการซื้อขาย 16,977.63 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 284.60 ล้าน บาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 17.26 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 267.34 ล้านบาท

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง และอยู่ในสภาพอึมครึมนั้น เป็นผลมาจากเชิงจิตวิทยา เพราะนักลงทุนมีความรู้สึกที่หลากหลายไม่ใช่เพียงแต่กังวลเกี่ยวกับการชุมนุมเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยเกี่ยวกับการที่หุ้นบริษัท กฟผ.และบริษัทไทยเบฟเวอเรจที่มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ก็ยังไม่สามารถเข้ามาจดทะเบียนได้ อย่างไรก็ตาม ก็ถือได้ว่าการที่ภาวะตลาดหุ้นอ่อนตัวลง ถือเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนที่จะเข้ามาซื้อหุ้น ได้ในระดับราคาที่ไม่สูง

นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวถึง ดัชนีตลาดหลัก ทรัพย์ฯวานนี้ที่ระหว่างวันลดลงกว่า 10 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลปัจจัยทางการเมือง แต่ในช่วงบ่ายสามารถรีบาวนด์ขึ้นมาได้เนื่องจากปัจจัยทางด้านราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานดีดกลับขึ้นมาได้

ในส่วนของกรณีที่รัฐบาลจะมีการแถลงผลงานของรัฐบาลในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาในวันที่ 9 ก.พ.49 ในเรื่องดังกล่าวยังไม่น่าจะส่งผลต่อตลาดหุ้นในวันนี้

สำหรับตลาดหุ้นในวันนี้ คาดว่าดัชนีจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แต่อาจจะปรับตัวลดลง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยด้านบวกใหม่ๆ เข้ามา ประกอบกับประเด็นทางด้านการเมืองก็ยังไม่ถือว่าคลี่คลาย โดยแนะนำนักลงทุนให้ทยอยขายหุ้นที่มีมาร์เกตแคปขนาดใหญ่ โดยประเมินแนวรับที่ 735 จุด และแนวต้านประเมินไว้ที่ 745 จุด

นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นเริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางที่ลดลง เนื่องจากไม่มีข่าวดีมากระตุ้นการลงทุน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มทยอยขายหุ้นออกมาทำกำไรมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเพราะค่าเงินบาทอ่อนค่าลง

ด้านประเด็นทางการเมืองที่ยังคงยืดเยื้อออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยเฉพาะกรณีการชุมนุมของกลุ่มคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่จะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้งในวันที่ 11 ก.พ.

นอกจากนี้ ระหว่างวันยังมีข่าวที่เข้ามากระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนหลังจากที่นายชัยอนันต์ สมุทวณิช ประธานคณะกรรมการของ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งแล้ว

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์พรุ่งนี้คาดว่าดัชนีฯยังซึมลงอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถปรับตัวขึ้นมายืนอยู่ในแดนบวกได้ โดยประเมินแนวรับที่ 710 - 726 - 736 จุด ส่วนแนวต้านที่ 750 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนยังคงกังวลกับประเด็นทางการเมือง เนื่องจากจะมีการชุมนุมกันอีกครั้งในวันที่ 11 ก.พ.

นอกจากนี้ ปัจจัยจากต่างประเทศเกี่ยวกับความกังวลและสถานการณ์เรื่องประเด็นนิวเคลียร์ในประเทศอิหร่าน หลังรัฐบาลอิหร่านประกาศยุติความร่วมมือกับทบวงพลังงานปรมาณูสากล หรือไอเออีเอส ประกอบกับปริมาณการส่งออกน้ำมันจากไนจีเรียยังคงต่ำกว่าระดับปกติ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการถูกโจมตีท่อส่งน้ำมันและแหล่งผลิตน้ำมันที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา

นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมือง และถือว่ายังไม่นิ่ง ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ ซึ่งเมื่อดัชนีปรับตัวลดลงมาที่จุดต่ำสุดในระดับ 735 จุดก็ได้มีแรงซื้อเข้ามาทำให้ดัชนีกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย

แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และมูลค่าการซื้อขายโดยรวมคงจะไม่มากนัก

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ กล่าวว่า การปรับลดลงของหุ้นในกลุ่มที่มีมาร์เกตแคปขนาดใหญ่น่าจะเกิดจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มมีสัญญาณตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะสะท้อนได้ว่านักลงทุนต่างชาติเริ่มไม่มั่นใจในตลาดหุ้นไทย และอาจจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นได้โดยปัจจัยหลักที่กระทบต่อความมั่นใจคือประเด็นทางการเมืองที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีข้อยุติ

ทั้งนี้ สิ่งที่นักลงทุนไทยจะต้องพิจารณาเป็นเรื่องหลักคือการตัดสินของนักลงทุนต่างชาติว่าจะยังเชื่อมั่นหรือหมดความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยมากน้อยขนาดไหนซึ่งอาจจะสังเกตจากการซื้อขายหุ้นขนาดใหญ่ประกอบ โดยยังคงแนะนำชะลอการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เพื่อรอความชัดเจนเรื่องการเมืองในประเทศก่อน

กบข.ไม่ห่วงปัจจัยการเมือง

นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวถึงสถานการณ์ทางเมืองที่ยังไม่มีความไม่แน่นอนว่า สถานการณ์ทางเมืองดังกล่าว ไม่น่าส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ และทาง กบข. เองก็ไม่ได้ให้น้ำหนักต่อปัจจัยทางการเมือง เนื่องจากเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวต่อไปได้ด้วยตัวของมันเอง ทั้งนี้ เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยมากกว่า

ส่วนผลกระทบต่อการลงทุนในโดยรวมเชื่อว่าไม่มีผลกระทบเช่นกัน โดยเชื่อว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งน่าจะสะท้อนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าบริษัทจดทะเบียนน่าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% จากปีก่อนตามการ ขยายตัวของจีดีพี

นอกจากนี้ กบข. เตรียมขยายสัดส่วนการลงทุนในหุ้นต่างประเทศจากเดิม 1% เป็น 5-6% เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงในต่างประเทศให้ผลตอบแทนที่ดี โดยปี 48 ให้ผลตอบแทนสูงถึง 12% ขณะที่เตรียมลดสัดส่วนการลงทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศเหลือ 3% จาก 8% ในปีก่อน โดยคาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศจะสูงถึง 12% และผลตอบแทนจากตราสารหนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับ 3.5%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.