"แฟมิลี่"รีเทิร์นสังเวียนทีวีปรับแผนดีวีดีลดจำนวนรุ่น


ผู้จัดการรายวัน(6 กุมภาพันธ์ 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

แฟมิลี่ ทุ่มงบตลาด 120 ล้านบาท หวนสมรภูมิตลาดทีวี ประเดิมเปิดตัวจอแฟลตตอลสร้างความต่างดีไซน์รูปแบบเฟอร์นิเจอร์ 2 ขนาด ลั่นสนใจลงตลาดจอพลาสมา แอลซีดี ตั้งเป้าสิ้นปีกวาดแชร์ 5% ส่วนดีวีดีเล็งลดจำนวนรุ่น พร้อมหั่นราคาลงไม่เกิน 10% สิ้นปีรายได้รวมตั้งเป้าโต 20% จาก 1,000 ล้านบาท

นางสาวสรวงพรรณ เชียงแสน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท บริษัท ลีดเดอร์เทค แอนด์ อีเล็คโทรนิค จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องเล่นวีซีดี,ดีวีดียี่ห้อ "แฟมิลี่" เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า แผนการตลาดในปีนี้แฟมิลี่ได้เตรียมขยายไลน์สินค้ากลุ่มทีวีอีกครั้ง ภายหลังจากที่บริษัทได้เลิกทำตลาดทีวีขนาดเล็กหรือขนาด 6 นิ้วเมื่อปี 2546 เนื่องจากพัฒนาการของทีวีเปลี่ยนไป ส่งผลให้ทีวีเครื่องเล็กไม่ได้รับความนิยม สำหรับการกลับมารุกตลาดทีวีของแฟมิลี่ในครั้งนี้ ประเดิมด้วยการเปิดตัว"ทีวี แฟลตตอล"รวมเครื่องเล่นดีวีดีในรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ 2 ขนาด 29-34 นิ้ว

"การเลือกเปิดทีวีในลักษณะเฟอร์นิเจอร์ เนื่องจากการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคนอกจากเลือกซื้อทีวีขนาดใหญ่เพื่อให้สนุกสนานกับการดูแล้ว แต่ค่อนข้างจะมีปัญหาการหาซื้อชั้นวางทีวีที่ไม่ได้ขนาด ดังนั้นบริษัทจึงอาศัยช่องวางดังกล่าวเป็นโอกาสทางการตลาด ขณะเดียวกันก็เพื่อสร้างความแตกต่างค่ายทีวียักษ์ค่ายอื่นๆด้วย"

สภาพตลาดทีวีมีการแข่งขันรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไทยมีการเปิดเขตเสรีการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น ยิ่งทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนเข้ามาทำตลาดโดยใช้กลยุทธ์ราคาโจมตีสินค้าระดับกลาง ขณะเดียวกันผู้เล่นยักษ์ใหญ่อย่างโซนี่ ฟิลิปส์ และค่ายพานาโซนิคเป็นที่น่าจับตามองมากอีกค่ายหนึ่ง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเคลื่อนไหวเปิดตัว"พานา เกิร์ล" หรือสาวนักขายประจำท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการขายผ่านช่องทางดีลเลอร์และโมเดิร์นเทรด

สำหรับปีนี้ทุ่มงบตลาด 120 ล้านบาท ประเดิมต้นปีหลังจากที่แฟมิลี่ได้ปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ในเชิงคอปอร์เรต เพื่อสร้างตราสินค้าและเปิดตัวการขยายไลน์สินค้าไปสู่กลุ่มทีวีของแฟมิลี่ พร้อมกันนี้บริษัทกำลังพิจารณาเปิดตัวทีวีพลาสมา และแอลซีดีลงสู่ตลาด แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการบริหารต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง เพื่อสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ซึ่งราคาที่ตั้งไว้ 50,000-60,000 บาท เมื่อเทียบราคากับคู่แข่ง 90,000 บาท กระทั่ง 2 แสนบาท

"ปีนี้เราจะเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าใหม่ๆ รวมทั้งตอกย้ำโพซิชั่นนิ่งของแฟมิลี่ในด้านการเป็น "เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ ทนและใช้งานง่าย" ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคในเชิงรุกมากขึ้น โดยเน้นการให้บริการหลังการขายเพิ่มขึ้น"

นางสาวสรวงพรรณ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มเครื่องเล่นดีวีดี บริษัทจะลดจำนวนรุ่นให้น้อยลง จากที่ผ่านเน้นการออกรุ่นใหม่จำนวนมากเกินไป ทำให้ยอดขายไม่เติบโตมากนัก โดยจากนี้บริษัทจะเลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันครอบคลุมการใช้งานมาทำตลาดในเชิงรุกเท่านั้น พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมปรับราคาสินค้าลดลงไม่เกิน 10% เพื่อให้สอดรับภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของคนไทย

สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 20% จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เครื่องเล่นดีวีดี 20% และเครื่องเล่นวีซีดี 80% โดยปีนี้กลุ่มเครื่องเล่นดีวีดีตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 50% หรือมีส่วนแบ่ง 15-20% ส่วนกลุ่มทีวีบริษัทตั้งเป้ากวาดส่วนแบ่ง 5% จากตลาดรวม


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.