|
SCIBโยนขายหุ้นแบงก์ กองทุนฟื้นฟูฯตัดสินใจ
ผู้จัดการรายวัน(3 กุมภาพันธ์ 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
นครหลวงไทย แจ้งต่างชาติเข้าซื้อหุ้นติดอุปสรรคเพดาน 25 % ยันการตัดสินใจ ขายหุ้นแบงก์ขึ้นอยู่กับกองทุนฟื้นฟูฯพิจารณาอนุมัติ เพราะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 47% ด้านกรุงศรีอยุธยา ย้ำกลุ่มรัตนรักษ์ รักษาสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่อยู่ ไม่มีนโยบายที่ขายหุ้นให้ต่างชาติ
นายอรุณ จิรชวาลา กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนคร หลวงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ว่า การที่พันธมิตรต่างชาติต้องการ เข้ามาถือหุ้นในธนาคารยังติดอุปสรรคบางประการ คือ เพดานการถือหุ้นของต่างชาติที่กำหนดไว้ 25% ซึ่งขณะนี้เต็มเพดานแล้วรวมทั้งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งเป็น ผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 47.58% ยังไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้นให้ต่างชาติ และธนาคารเองก็ไม่มีแผนที่จะออกหุ้นเพิ่มทุนในขณะนี้
ทั้งนี้ การที่กองทุนฟื้นฟูฯ ไม่มีนโยบายขายหุ้นให้ต่างชาติอาจเป็นเพราะมองว่ายังมีวิธีอื่นที่ต่างชาติจะเข้ามาถือหุ้นในธนาคารได้ เช่น ในอนาคตกองทุนฟื้นฟูฯ อาจนำหุ้นออกขายให้แก่ประชาชนทั่วไป หรือออกเป็นใบสำคัญแสดง สิทธิ์ แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) แล้วผู้ถืออาจนำหุ้นหรือวอร์แรนต์ซื้อขายเปลี่ยนมือให้กับต่างชาติผ่านตลาดหุ้น แต่การซื้อขายดังกล่าวต่างชาติที่จะเข้ามาจะเป็นผู้ถือหุ้นที่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง (NVDR)
ปัจจุบันเริ่มมีชาวไทยมาเจรจาเป็นพันธมิตรแล้วหลายราย โดยปัจจุบันธนาคารเป็นธนาคารขนาดกลาง หากพันธมิตรเข้ามาก็จะทำให้ด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศมีการพัฒนาขึ้น แต่ถ้าหากเป็นต่างชาติก็จะมีประสบการณ์มากกว่า
สำหรับการที่ธนาคารได้เข้าไปถือหุ้นในราชธานีลิสซิ่งว่าเป็นการเข้าร่วมมือทางธุรกิจ โดยปัจจุบันธนาคารเข้าไปถือกว่า 20% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ธนาคารพอใจ ส่วนในอนาคตจะซื้อเพิ่มหรือไม่ต้องศึกษาต่อไป ทั้งนี้การเข้าไปถือหุ้นในราชธานีลิสซิ่งจะทำให้ธนาคารมีธุรกิจให้บริการอย่างครบถ้วน อีกทั้งไม่ต้องเริ่มต้นธุรกิจเอง จึงจะสามารถรับรู้รายได้ทันที เนื่องจากราชธานีลิสซิ่งมีผลประกอบการที่ดีอยู่แล้ว กรุงศรีอยุธยายันกลุ่มรัตนรักษ์ไม่ลดสัดส่วนถือหุ้น
นางชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีสื่อมวลชนหลายฉบับได้เสนอข่าวที่มีประเด็นเกี่ยวกับการที่มีต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาถือหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยาเพิ่มขึ้น พร้อมได้อ้างถึงสัดส่วนในการถือหุ้นของนายกฤตย์ รัตนรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ว่ามีจำนวนถึง 43% นั้น ธนาคารขอเรียนชี้แจงว่ากลุ่มนายกฤตย์ รัตนรักษ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ประมาณ 36% พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการขายหุ้นเพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นลงแน่นอน
แหล่งข่าวจากธนาคารกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า กระแสข่าวของบริษัท จีอีมันนี่ ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน จะเข้ามาซื้อกิจการ หรือถือหุ้นใหญ่ในธนาคารแทนกลุ่มรัตนรักษ์ ขณะนี้เท่าที่ทราบได้มีการคุยในระดับผู้บริหารระดับสูงและกลุ่มรัตนรักษ์โดยตรง ซึ่งยังไม่ได้มีข้อสรุปหรือข้อตกลงใดๆ ออกมา เป็นเพียงการเจรจาระหว่างกลุ่มบุคคลโดยยังไม่ต้องใช้ที่ปรึกษาทางด้านการเงินหารือกัน ทั้งสองฝ่ายต่างมีความเห็นในแนวเดียวกันว่าธุรกิจของธนาคารพาณิชย์มีการแข่งขันที่สูง ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและจีอีมันนี่ได้มีธนาคารจีอีรายย่อยที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยจำเป็นต้องหาคู่เป็นพันธมิตรเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้
ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีนโยบายที่จะลงมาจับกลุ่มลูกค้ารายย่อย 2-3 ปีที่ผ่านมา และนับว่าประสบความสำเร็จ ลูกค้าของธนาคารเริ่มปรับเปลี่ยนเป็น Young Generation รวมทั้งผู้ที่เริ่มต้นการทำงานใหม่ๆ ในขณะเดียวกันธนาคารจีอีมันนี่ถือเป็นธนาคารที่ได้ใบอนุญาตใน การประกอบธุรกิจใหม่ๆ ฐานลูกค้าของธนาคาร ยังมีน้อยและจำกัดอยู่ในวงแคบๆ
ดังนั้น ทั้งคู่จึงเจรจาเพื่อนำจุดแข็งของแต่ละแห่งเข้ามาเสริม และปิดช่องว่างของแต่ละแห่งในการให้บริการหมดไป เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยาต้องการที่จะได้เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์รายย่อยใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ในขณะที่ ธนาคารจีอีรายย่อยก็ต้องการเครือข่ายและฐานลูกค้าของธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่มีอยู่สูง
ดังนั้น กระแสข่าวของทั้งสองแห่งน่าจะเป็นในลักษณะของการควบรวมกิจการ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งมากกว่าที่จะเข้ามาฮุบกิจการ หรือเข้ามาซื้อหุ้นกลุ่มรัตนรักษ์เพื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นแบงก์ต่างชาติ อย่างไรก็ตามการเจรจาหรือข้อสรุปดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยคาดว่าภายในเดือนมีนาคมอาจจะมีแนวทางหรือข้อสรุปกว้างๆ เพื่อให้ฝ่ายปฏิบัติทั้งในเรื่องของการเจรจา การจ้างที่ปรึกษาเข้ามาดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|