"ไพบูลย์ โชติประสิทธิ์ รวมพลหมอสร้างโรงพยาบาลที่แท้จริง"


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2540)



กลับสู่หน้าหลัก

การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่งที่ถือว่ามีอัตราเสี่ยงน้อยที่สุด ก็คือการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล เพราะโรงพยาบาลเป็นความจำเป็นพื้นฐานของคนทั่วไป

ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นนักลงทุนกลุ่มใหญ่ ๆ ของวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เข้าไปร่วมหุ้นทำธุรกิจโรงพยาบาล หรือไม่ก็เทกโอเวอร์โรงพยาบาลที่มีชื่ออยู่แล้ว แล้วนำมาพัฒนาเป็นเชนโรงพยาบาลที่มีรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน

ส่วนผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับโรงพยาบาลหรือกลุ่มนายแพทย์ กลับเป็นเพียงผู้ร่วมหุ้นในฐานะที่ต้องมีหน้าที่บริหารด้านการแพทย์ เพราะจะปล่อยให้กลุ่มนักลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นผู้ลงทุนฝ่ายเดียวก็ดูจะไม่สามารถรู้งานในวงการแพทย์ได้ทั้งหมด

ในปี 2537 ความคิดที่จะมีโรงพยาบาลของเอกชน ที่ลงทุนโดยกลุ่มนายแพทย์จริง ๆ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่งก็เกิดขึ้น คือกลุ่มโรงพยาบาลราชเวช

นายแพทย์ไพบูลย์ โชติประสิทธิ์ ประธานกรรมการกลุ่มโรงพยาบาลราชเวช ถือได้ว่าเป็นแกนนำในการรวมกลุ่มแพทย์ร่วม 200 คน จากโรงพยาบาลต่าง ๆ

โดยกลุ่มแพทย์ประมาณ 200 คนที่รวบรวมมานี้จะถือหุ้นรวมกัน 20% ที่เหลือกระจายผู้ถือหุ้นไปในกลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุน

ความตั้งใจของกลุ่มผู้รวมตัวก่อตั้งโรงพยาบาลราชเวช จะมีแนวคิดเดียวกันคือ เน้นนโยบายให้การรักษาพยาบาลประชาชนทุกระดับ เป็นโรงพยาบาลที่แท้จริง มีระบบการดำเนินงานที่ได้มาตรฐานซึ่งรวมถึงราคาที่ได้มาตรฐาน ไม่แพงเกินความเป็นจริง จนคนทั่วไปไม่สามารถใช้บริการได้

"ในความเป็นจริงแล้ว แพทย์ส่วนใหญ่ต้องการช่วยคนไข้ แต่ปัญหาก็คือเมื่อเขาสังกัดโรงพยาบาลเอกชน เขาจะมีปัญหากับระบบการบริหารงานของดรงพยาบาล ทำให้ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะต้องเป็นไปตามระบบ ราคามาตรฐานที่ว่าก็คือ ถ้าเทียบกับราคาของรถยนต์ แทนที่จะเป็นราคารถบีเอ็มดับบลิว รถเบนซ์ ก็ค่าเป็นราคาของรถญี่ปุ่น เช่น โตโยต้า เป็นต้น ตัวอย่างราคาทำคลอด รวมค่าห้อง ค่ารักษา จะตกประมาณ 10,000 บาทต้น ๆ" นายแพทย์ไพบูลย์ กล่าว

โรงพยาบาลที่จะเปิดดำเนินงานในกลุ่มราชเวช จะเปิดบริการไล่ ๆ กัน มีด้วยกัน 3 แห่ง คือ โรงพยาบาลราชเวชอุบลราชธานี ขนาด 300 เตียง โรงพยาบาลราชเวช เชียงใหม่ ขนาด 400 เตียง และโรงพยาบาลราชเวช พญาไทขนาด 400 เตียง ซึ่งโรงพยาบาลแต่ละแห่งค่ารักษาพยาบาลก็จะต่างกันไป เช่นที่ อุบลราชธานี ค่าแรงจะถูกกว่าที่กรุงเทพฯ ประมาณ 20-30% การคิดค่ารักษาก็จะต้องถูกกว่า

ระบบการดำเนินงานบริหารงานของโรงพยาบาล จะมีแพทย์เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล มีรองผู้อำนวยการด้านบริหาร รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ทั้งนี้ผู้บริหารเหล่านี้จะอยู่ภายใต้นโยบายของกรรมการบริหาร อีกที

"ความจริงแล้ว โรงพยาบาลราชเวช ที่ถนนพญาไทเป็นแห่งแรกที่ลงมือก่อสร้าง แต่จะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเป็นแห่งที่สาม โดยปัจจุบันโรงพยาบาลราชเวชทั้งที่อุบลราชธานีและที่เชียงใหม่ได้เปิดบริการไปแล้ว เมื่อปี 2538 และเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2540 ตามลำดับ จากการลงทุนทั้ง 3 แห่งรวม 3,300 ล้านบาท คาดการณ์ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาดำเนินงานแห่งละอย่างน้อย 5 ปี จึงจะคุ้มทุน" นายแพทย์ไพบูลย์ กล่าว พร้อมกับเล่าถึงการดำเนินงานว่า

ในตอนเริ่มแรกที่จะลงมือออกแบบก่อสร้าง จะมีตัวแทนจากกลุ่มแพทย์ที่ลงทุนประมาณ 20-30 คน มาช่วยในการออกแบบ พร้อมกับนักออกแบบทั้งจากต่างประเทศและของไทย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการออกแบบและการก่อสร้างโรงพยาบาลโดยเฉพาะ รวมทั้งกลุ่มแพทย์ที่ชำนาญเฉพาะทางด้วย มาช่วยกันคิดในการออกแบบเพื่อให้เป็นที่สอดคล้องกับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดต้นทุนในการก่อสร้างและการดำเนินงาน

"ตัวอย่างแผนกผู้ป่วยนอก ควรอยู่ใกล้กับแผนกเอกซเรย์ หรือห้องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ห้องจ่ายยา เวชภัณฑ์แต่ละแผนกก็แยกเป็นสัดส่วนอยู่ใกล้กันเช่น แผนกอายุรกรรมควรจะอยู่ใกล้กับศัลยกรรม เพราะแพทย์ต้องมีการปรึกษากันในแต่ละแผนก ไม่ใช่จะต้องไปแผนกที่ต้องประสานงานกันประจำแต่ต้องเดินข้ามตึก และรวมทั้งต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมเพรียง"

นอกจากนี้จุดเด่นของกลุ่มโรงพยาบาลราชเวช ก็เห็นชัดนอกจากเรื่องทีมงาน ที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มแพทย์จำนวนมากแล้ว ยังเน้นจุดขายในด้านของเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย เช่น เครื่อง AUTOMATE เครื่องมือทางห้องปฏิบัติการวินิจฉัยโรค เป็นเครื่องที่สามารถแสดงผลให้ผู้ป่วยทราบอย่างรวดเร็ว

"เครื่อง AUTOMATE จะมีใช้อยู่ในโรงพยาบาลต่างจังหวัดน้อยมาก เช่นที่อุบลราชธานี เมื่อโรงพยาบาลราชเวชไปเปิด นอกจากจะเป็นโรงพยาบาลที่ทันสมัยที่สุดในจังหวัด สถิติเรื่องแพทย์ก็มีเพิ่มขึ้นด้วย ตัวอย่าง ก่อนหน้าที่ราชเวชจะเปิดดำเนินงาน ไม่มีแพทย์ดมยา พอโรงพยาบาลราชเวชเปิด ก็ทำให้สถิติในจังหวัดอุบลราชธานีมีแพทย์ดมยาเพิ่มขึ้นทีเดียว 3 คน" นายแพทย์ไพบูลย์ กล่าว

เครื่องมือทันสมัยอื่น ๆ ยังประกอบด้วย เครื่องฟลูออโรสโคป เครื่องมือตรวจระบบทางเดินอาหาร เครื่องอัลตราซาวด์ เครื่องซีทีสแกน เครื่องแมมโมแกรมซึ่งเป็นเครื่องมือตรวจมะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรก ฯลฯ รวมทั้งการลงทุนรถโมบายมูลค่ารวม 3 ล้านบาท พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยและบุคลากรชุดปฏิบัติงาน 8 คน

การมีเครื่องมือทันสมัยเพียงอย่างเดียวไม่ใช่เรื่องเพียงพอ เพราะเมื่อถึงเวลาหนึ่ง เครื่องมือที่เคยทันสมัยในปัจจุบัน ก็อาจจะล้าสมัยในอนาคต สิ่งที่โรงพยาบาลราชเวชตระหนักอีกด้านหนึ่งก็คือ การให้ความสำคัญกับการเผยแพร่วิชาการแพทย์ ในด้านการศึกษาวิจัยโรคต่าง ๆ

"เรามีการจัดตั้งศูนย์การแพทย์และอุบัติเหตุ ศูนย์โรคมะเร็ง ศูนย์โรคหัวใจ ฯลฯ เพราะการลงทุนศึกษาวิจัยโรคชนิดต่าง ๆ เหล่านี้ เรามีเป้าหมายเพื่อต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับกลุ่มโรงพยาบาลราชเวชในทางการแพทย์ พร้อมกับพยายามรักษาคุณภาพการให้บริการที่ดีกับลูกค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และไว้วางใจให้กับลูกค้าในระยะยาวต่อไป เป็นการทำตลาดเสริมจากการประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลในทางอื่นไปด้วยในตัว" นายแพทย์ไพบูลย์ กล่าว

จากจุดมุ่งหมายของนายแพทย์ไพบูลย์ ที่จะสร้างโรงพยาบาลในฝัน หรือโรงพยาบาลเอกชนที่พร้อมจะช่วยผู้ป่วยทุกคนอย่างแท้จริงนั้นคงสรุปได้ว่า นอกจากจะต้องถึงพร้อมเรื่องเครื่องมือและวิชาการแพทย์แล้ว ยังต้องถึงพร้อมด้วยการบริการที่มัดใจให้คนกลับมาใช้บริการได้อีกในครั้งต่อ ๆ ไป จึงจะถือว่าประสบความสำเร็จในการดำเนินงานอย่างแท้จริง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.