|

คาดเอไอเอสติดปีกธุรกิจ ขายหุ้นชินปลอดการเมือง
ผู้จัดการรายวัน(31 มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
เปิดใจ"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"เชื่อวันนี้เอไอเอสจะใส่เกียร์ 5 เดินหน้าเต็มสูบ หลังขายหุ้นให้เทมาเส็ก เหลือเพียงมิติทางธุรกิจ ปลอดจากการเมืองที่เคยทำให้การทำงานต้องคิดจนเกินคำว่ารอบด้าน
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการผู้อำนวยการบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสหรือเอไอเอส กล่าวว่า ขณะนี้รอการส่งมอบงานอย่างเป็นทางการให้กรรมการผู้อำนวยการคนใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างการ พิจารณาแต่งตั้งจากนายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร ซึ่งการเปลี่ยนกรรมการผู้อำนวยการครั้งนี้ไม่น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อะไรมากนัก เพราะเอไอเอสมีความ มั่นคง แข็งแกร่ง และการทำงานแบบ ทีมเวิร์ก
"ทำงานในกลุ่มชินคอร์ปมา 10 กว่าปี อยู่ในเอไอเอส 5 ปี ก็เป็นความ รู้สึกที่ดี เห็นความตั้งใจทำงานของพนักงาน ซึ่งอยากให้ตั้งใจทำงานต่อไป"
"สิ่งที่ตั้งใจไว้ และอยากให้กรรมการผู้อำนวยการคนใหม่เข้ามาสร้างให้เป็นภาพที่เสร็จสมบูรณ์คืออยากเห็นการใช้เทคโนโลยีไร้สาย (Wireless) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้น และเอไอเอสมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการ ทำให้โทรศัพท์มือถือ หรือเทคโนโลยีไร้สายเป็นอะไรที่ทำได้มากกว่าการรับสายหรือใช้ด้านเสียงเพียงอย่างเดียว เอไอเอสยังเหมือนเดิม แต่สิ่งที่จะดีสำหรับเอไอเอส คือสามารถ เป็นกลางได้อย่างชัดเจน เดินหน้าได้ อย่างเต็มที่ ใส่เกียร์ 5 ได้เลย อาจทำได้เต็มที่มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ"
ยิ่งลักษณ์เชื่อว่า เอไอเอสมีศักยภาพที่สูงมากในการทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่การ สื่อสารทางเสียง แต่เทคโนโลยี 3G ในอนาคตอันใกล้จะทำให้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารไร้สายที่มีประสิทธิภาพเชื่อมโยงข้อมูล ความเร็วสูง ที่สามารถพัฒนาบริการ ต่างๆ มาใช้ได้มากมาย เพียงแต่การก้าวผ่านเทคโนโลยี 2G หรือ 2.5G ในปัจจุบันไปเป็น 3G จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตการจัดสรรคลื่น ความถี่ใหม่จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ซึ่งถือเป็นอีกครั้งสำคัญที่อนาคตธุรกิจเอไอเอสจะผูกพันกับการตัดสินใจขององค์กรอิสระ ที่อาจถูกผูกพันโยงใยกับการเมืองชนิดเลี่ยงไม่ได้
"ารขายหุ้นชินคอร์ปของตระกูลชินวัตรอาจทำให้มองเอไอเอส เหลือภาพธุรกิจเพียงอย่างเดียว สำหรับเอไอเอสเองเดิมทำอะไรต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ และรอบคอบมากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียหรือกระทบกับการเมือง แต่ปัจจุบันก็ต้อง ทำอย่างรอบคอบ แต่จะเหลือเพียงมิติธุรกิจเท่านั้น"
สำหรับการเข้ามาของเทมาเส็ก ในกลุ่มชินคอร์ปนั้น กระทบเฉพาะในระดับบอร์ดของชินคอร์ปเท่านั้นไม่ส่งผลกระทบมาถึงเอไอเอสหรือบอร์ดเอไอเอสแต่อย่างใด แม้แต่ตำแหน่ง CFO ที่ดูแลด้านการเงินของบริษัท ที่เดิมคาดว่าอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยเทมาเส็กต้องส่งผู้บริหารตนเองมา แต่ปรากฏว่ายังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตลอด 5 ปีของการทำงานในเอไอเอส ให้ความสำคัญกับ 3 เรื่องหลักคือการทำงาน ร่วมกันเป็นทีมเวิร์ก การรับฟังความ เห็นของผู้บริหารด้วยกันและเพื่อนพนักงานและการให้เกียรติในเรื่องความอาวุโส หรือ Seniority และการทำงานที่ต้องเข้าใจความต้องการ ของลูกค้าให้มากที่สุด ไม่ได้ทำงานหรือบริการงานโดยมองไปแต่ข้างหน้าเพียงอย่างเดียว
"อไอเอสต้องมองว่าเทคโนโลยีจะมาต่อเชื่อมกับความต้องการอย่างไร หรือสามารถก่อให้เกิดบริการอะไรได้บ้าง"
สำหรับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิดและเติบโตจนเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากนั้นต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา เริ่มงานครั้งแรกในกลุ่มชินวัตรที่บริษัท ชินวัตร ไดเร็กทอรีส์ (ธุรกิจสมุดโทรศัพท์หน้าเหลือง) ในช่วงที่เทกโอเวอร์มาจากบริษัท เอทีแอนด์ที ซึ่งช่วงนั้นจะเรียนรู้การผสมผสานการทำงานของวัฒนธรรมองค์กร 2 รูปแบบไทยและเทศ ในตำแหน่ง Sale&Marketing เป็นคนทำหนังสือสเปกตรัม (หนังสือรายการไอบีซีก่อนที่จะรวมกิจการกับยูทีวีกลายเป็นยูบีซี) เรียนรู้งานด้านฝ่ายขาย การหาเงิน หลังจากนั้นมาดูแลด้านการจัดซื้อ โดยเฉพาะการสั่งซื้อต่างประเทศ กระดาษที่ใช้พิมพ์สมุดโทรศัพท์ เรียนรู้การดีลกับซัปพลายเออร์ต่างชาติ ต่อมาลองงานในส่วนการผลิต เพื่อให้รู้ทุกขั้นตอน หลังจากนั้นไปทำในส่วนการขายโฆษณา แล้วจึงมาอยู่เอไอเอส
พอเข้าใต้ร่มเงาของเอไอเอสทำงานแทบจะทุกส่วนเริ่มจาก Service Operation เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของบริษัท หลังจากนั้นมาด้านมุมมองลูกค้า เพื่อให้เข้าใจความ ต้องการลูกค้าโดยเฉพาะจากงานคอลเซ็นเตอร์ ต่อมาย้ายมาดูแลในส่วนของ Corporate Planning ในส่วนของการวางแผนเพื่อให้เข้าใจว่า เอไอเอสขับเคลื่อนอย่างไร ด้วยกลยุทธ์แบบไหน เป็นภาพรวมการวางแผนทั้งวิชัน เป้าหมาย และพันธกิจต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมเอไอเอสได้เด่นชัด ก่อนที่จะก้าวสู่ตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ
แหล่งข่าวในเอไอเอสกล่าวว่า สิ่งที่กรรมการผู้อำนวยการคนใหม่ของเอไอเอสจะเผชิญคือการตัดสินใจ ที่สำคัญในเรื่องการลงทุนเทคโนโลยี อนาคตอย่าง 3G ซึ่งถือเป็นรอยต่อเทคโนโลยีเหมือนเมื่อครั้งที่เอไอเอส ก้าวจากระบบอะนาล็อก NMT 900 มาเป็นระบบดิจิตอล GSM ซึ่งจำเป็น ต้องอาศัยผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเข้าใจเทคโนโลยีที่ดี ในขณะที่แรงส่งของเอไอเอสคือความเชื่อที่ว่าเอไอเอสจะปลอดจากการเมือง ซึ่งน่าจะทำให้เอไอเอสขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
"อเป็นจังหวะที่ดีของเอไอเอส หากต้องการปลอดการเมืองจริง การแต่งตั้งกรรมการผู้อำนวยการคนใหม่อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ได้"
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|