|
เชนโรงแรมย่านดอนเมืองผ่าทางตัน ก่อนปิดจริงสนามบินดอนเมือง
ผู้จัดการรายสัปดาห์(30 มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ก่อนถึงวันปิดดำเนินการของสนามบินดอนเมืองจริงเพื่อย้ายไปใช้สนามบินแห่งใหม่สุวรรณภูมิ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นธุรกิจ “โรงแรม” และเชนหลายค่ายต่างเร่งหายุทธวิธีเพื่อปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ทั้งในเรื่องของราคา โปรโมชั่น และช่องทางการทำตลาด
กลุ่มลูกค้าที่เป็นนักธุรกิจ และคอเปอร์เรทคือเป้าหมายหลักที่หลายค่ายเชนโรงแรมจะนำมาสร้างตลาดใหม่ขึ้นมา หลังจากที่มีการย้ายสนามบินดอนไปใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิแทน
ขณะเดียวกันกลุ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่รอต่อเครื่องบินและกลุ่มลูกเรือของสายการบินต่าง ๆ ก็ต้องอันตทานหายไปเช่นกัน สอดคล้องกับโรงแรมอมารีแอร์พอร์ตที่ยอมรับว่า การย้ายสนามบินส่งผลกระทบแน่
“ที่ผ่านมาโรงแรมอามรีแอร์พอร์ตมีนักท่องเที่ยวที่มารอต่อเครื่องที่สนามบินดอนเมืองสูงถึง 60% ซึ่งตัวเลขตรงนี้จะหายไปเมื่อมีการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ”แหล่งข่าวรายหนึ่งของฝ่ายขาย โรงแรมอมารีแอร์พอร์ต กล่าว
แม้แต่กลุ่มโรงแรมที่บริหารโดยเชนแอคคอร์จากประเทศฝรั่งเศส อย่างโซฟิเทล เซ็นทรัล ลาดพร้าวเองก็ไม่เว้นที่ต้องพลอยฟ้าพลอยฝนถูกผลกระทบนี้เช่นกัน โดยการออกมายอมรับของผู้บริหารโรงแรมพบว่าประมาณ 10% จากรายได้ทั้งหมดของโรงแรมต้องหายไปเพราะสายการบินต่างชาติทั้งหลายได้ย้ายสัญญาการเข้าพักของกัปตัน นักบินและลูกเรือไปเข้าพักในโรงแรมย่านสนามบินสุวรรณภูมิแทน
จะมีแต่กลุ่มโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ภายใต้การบริหารของ อัศวิน อิงคะกุล ที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเน้นเป็นกลุ่มธุรกิจและคอปเปอร์เรทมาตั้งแต่เริ่มต้นกิจการ ก็ออกมายอมรับถึงผลกระทบของการย้ายสนามบินครั้งนี้เช่นกัน เพียงแต่ยังไม่เห็นภาพมากนัก เป็นเพราะกลยุทธ์ของการสร้างฐานกลุ่มลูกค้าแบบตลาดไมซ์ หรือตลาดของการจัดประชุมและสัมมนาที่มีมาตั้งแต่แรกเริ่ม
ความพยายามของกลุ่มโรงแรมแถบย่านดอนเมืองและใกล้เคียงเริ่มให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าประชุมสัมมนากันมากขึ้น แม้ว่าเดิมทีจะมีการทำตลาดบ้างแต่ก็ไม่มากนัก ซึ่งในอนาคตอันใกล้กลุ่มลูกค้าประชุมสัมมนานี้จะเป็นหัวใจสำคัญและคือลูกค้าหลักที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
ขณะที่ราคาห้องพักคือตัวเลือกที่กลุ่มเชนโรงแรมอาจจะต้องหยิบนำมาใช้อัดเป็นแคมเปญเพื่อแย่งชิงกลุ่มลูกค้าให้เข้าไปใช้บริการ ตลอดจนการจัดกิจกรรมและโปรโมชั่นช่วงเทศกาลต่างๆคือหนทางที่ธุรกิจโรงแรมในย่านแถบบริเวณเดียวกันต้องเร่งปรับก่อนที่เหตุการณ์จริงจะเข้ามาเยือน
ทำให้ สุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร บิ๊กบอสค่ายกลุ่มโรงแรมเอเชีย ต้องปรับตัวเพื่อรับสถานการณ์อย่างหนักหน่วง และพลิกวิกฤตที่เกิดขึ้นให้เป็นโอกาสด้วยการปรับฐานลูกค้าใหม่ทันที จากเดิมที่จะทำตลาดเฉพาะกลุ่มไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือกลุ่มลูกเรือของสายการบินต่าง ๆ เข้าใช้บริการระหว่างรอต่อเครื่องบิน จำเป็นต้องถูกปรับเปลี่ยนไปเจาะตลาดกลุ่มคอเปอร์เรทที่เป็นกลุ่มบริษัท และโรงงานต่าง ๆ ในย่านใกล้เคียงอย่างย่านนวนคร ปทุมธานี แทน
สอดคล้องกับการลงทุนสร้างห้องประชุมหลายขนาดเพื่อรองรับกลุ่มประชุมสัมมนาที่สามารถจุคนได้ทั้งหมดประมาณ 1,300 คน และการปรับตัวเองจากโรงแรม 3 ดาวให้เป็น 4 ดาว รวมไปถึงการทุ่มงบลงทุนอีก 100 ล้านบาท เพื่อตกแต่งห้องพักของโรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต จำนวน 160 ห้อง จากจำนวน 240 ห้อง ซึ่งคาดว่าจะปรับปรุงได้สมบูรณ์ในอนาคตอันใกล้ เหล่านี้ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่โรงแรมเอเชียหยิบนำมาใช้เพื่อจับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆทดแทนตลาดเดิมที่กำลังจะหายไปในที่สุด
การตกอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างจะลำบากของธุรกิจโรงแรมย่านบริเวณใกล้เคียงสนามบินดอนเมืองทำให้ต้องมีการปรับกลยุทธ์กันครั้งใหญ่ แต่หากมองเข้าไปถึงธุรกิจโรงแรมย่านถนนวิภาวดีรังสิตอย่าง รามาการ์เด้นส์ เองที่มีการปรับยุทธศาสตร์ของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง แต่การเลือกกลุ่มเป้าหมายตลาดไมซ์ก็ยังเป็นลูกค้าที่ดำเนินการตลาดมาโดยตลอดและมีการสลับสับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับธุรกิจไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ กีฬา หรือกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาลต่างๆ
การรวมตัวเพื่อปรับกลยุทธ์เลือกกลุ่มเป้าหมายแบบเดียวกันชนิดที่ไม่ได้นัดหมายของกลุ่มธุรกิจโรงแรมย่านดอนเมืองกำลังแข่งขันร้อนแรง ซึ่ง มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นับว่าเป็นธุรกิจโรงแรมที่เลือกแนวทางกลุ่มลูกค้าประชุมสัมมนามาก่อนใครและ ถือเป็นเจ้าตลาดของการจัดประชุมสัมมนาละแวกนั้น ก่อนที่จะมีการประกาศย้ายสนามบินดอนเมือง จนกระทั่งล่าสุดการออกแคมเปญมัดใจกลุ่มลูกค้าเป็นหนทางหนึ่งของโรงแรมเพื่อสร้างความจงรักภักดีให้เกิดขึ้นระหว่างโรงแรมกับลูกค้าเอง และกลยุทธ์ที่จะหยิบนำมาใช้ครั้งนี้คือการออกบัตรสมาชิกสำหรับคู่รักที่เคยใช้บริการจัดงานแต่งานใน All for Love ซึ่งบัตรนี้จะมอบส่วนลดในการใช้บริการต่าง ๆ ของโรงแรมตามที่ได้ระบุไว้ คาดหวังว่าลูกค้าจะซื้อแคมเปญไม่ต่ำกว่า 300 ใบและนั่นหมายถึงเม็ดเงินที่จะมีหมุนเวียนในธุรกิจช่วงที่หลายค่ายโรงแรมกำลังปรับตัวให้พ้นวิกฤต
ภาพรวมของการแข่งขันในธุรกิจโรงแรมย่านดอนเมือง ณ วันนี้และอนาคตอันใกล้ กำลังเข้าขั้นวิกฤตถึงขนาดต้องแข่งขันเพื่อชิงความเป็นผู้นำชนิดใครดีใครอยู่ การผลักดันของภาครัฐที่ต้องการให้ประเทศเป็นฮับหรือศูนย์กลางการท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง และการจัดประชุมสัมมนา นโยบายแบบนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงและเริ่มส่อแววสะดุดเห็นได้ชัด ขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงแรมย่านใจกลางเมืองหรือในแถบสนามบินแห่งใหม่กลับได้รับการตอบสนองความต้องการทั้งสาธารณูปโภคและความสะดวกสบายออกมารองรับกันเพียบ หากภาครัฐทอดทิ้งไปอย่างนั้นจริงๆ ธุรกิจโรงแรมย่านดอนเมืองคงจะเหลือเป็นแค่เพียงตำนานเท่านั้นหรือรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อยากให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ…
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|