Beyond Juggling


นิตยสารผู้จัดการ( มกราคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

โดย Kurt Sandholtz, Brooklyn Derr, Kathy Buckner และ Dawn Carlson

จัดสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว

การจัดสมดุลระหว่างการทำงาน การรักษาความสัมพันธ์ และการมีเวลาดูแลตัวเอง ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะชีวิตมักจะเจอกับความไม่สมดุลมากกว่าความสมดุล คณะผู้เขียน Beyond Juggling ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญการบริหารจัดการที่ได้รับการยอมรับนับถือ จึงเสนอแนะแนวทางที่จะช่วยให้ผู้ที่กำลังปวดหัวกับชีวิตที่วุ่นวาย มีวิธีที่จะจัดสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัวเสียใหม่

นอกจากจะแนะนำ 5 กลยุทธ์อันประกอบด้วย alternating, outsourcing, bundling, techflexing และ simplifying ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถผ่อนคลายภาระรับผิดชอบที่เกินตัวทั้งที่เกี่ยวกับงานและไม่เกี่ยวกับงานแล้ว ผู้แต่งยังเสนอเครื่องมือและเคล็ดลับอีกนานาประการ ที่จะช่วยให้คุณลดความขัดแย้งระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวลงได้ พร้อมคำแนะนำที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที และกรณีศึกษาจากผู้ที่เคยนำเทคนิคต่างๆ เหล่านี้ไปลองใช้ได้ผลมาแล้ว

สลับ หาคนทำแทน รวบ

กลยุทธ์แรกใน 5 กลยุทธ์การจัดสมดุลระหว่างบ้านกับที่ทำงานคือ alternating คือการทำงานหนักช่วงหนึ่ง สลับž กับการหยุดพักผ่อนเพื่อไปชาร์จแบตช่วงหนึ่ง แล้วกลับมาทำงานอีกแล้วหยุดพักผ่อนอีก สลับกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ กลยุทธ์นี้เหมาะกับคนที่ชอบทุ่มเทสมาธิให้แก่การทำกิจกรรมอย่างใด อย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว หรือชอบทำอะไรทีละอย่าง เสร็จอย่างหนึ่งหรือทำจนพอใจแล้ว จึงจะย้ายไปทำกิจกรรมอื่น

กลยุทธ์ alternating ช่วยให้คุณสามารถปรับการทำงานให้เปลี่ยนไปตามชีวิตส่วนตัวหรือชีวิตครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไป และยังช่วยให้คุณสามารถฟื้นตัวจากภาวะการทำงานหนักเกินไปได้อย่างรวดเร็ว ผู้ที่เหมาะกับการใช้กลยุทธ์นี้คือ ผู้ที่มีรายได้สูงและ/หรือผู้ที่ชอบอยู่อย่างมัธยัสถ์ รวมถึงผู้ที่มีความอดทนสูงต่อภาวะความไม่แน่นอนหรือสถานการณ์ที่ไม่มีความชัดเจน

กลยุทธ์ต่อมาคือ outsourcing การหาคนมาทำแทน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ใช้กันมากที่สุดในการจัดสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว ผู้ที่จะใช้กลยุทธ์นี้ได้ผลดีคือผู้ที่ชอบลองวิธีใหม่ๆ ชอบลงทุนเวลาและพลังงานไปกับการวางแผนและบริหารบรรดาคนที่คุณมอบหมายให้เขาทำงานแทน ชอบใช้เงินซื้อเวลาซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ากว่าเงิน ชอบมีความสัมพันธ์กับสังคม และชอบลงทุนเวลาที่พวกเขาประหยัดได้จากการให้คนอื่นทำแทน ไปกับกิจกรรมที่มีคุณค่าความหมายต่อการดำรงชีวิต ด้วยการให้คนอื่นทำกิจกรรมที่สำคัญน้อยแทนนี้ ทำให้ผู้ที่ใช้กลยุทธ์ outsourcing สามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด

กลยุทธ์ที่สามคือ bundling ได้แก่ การรวบงานและเป้าหมายหลายๆ ประการเข้าด้วยกันเพื่อประหยัดเวลา และทำให้ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวสมดุลมากขึ้น คนที่เหมาะกับกลยุทธ์นี้ควรเป็นคนที่มีนิสัยชอบคิดวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบและมีประสิทธิภาพสูงและมีนิสัยเปิดเผย

ยืดหยุ่นชีวิตด้วยเทคโลยี สมถะ

Techflexing คือกลยุทธ์ที่สี่สำหรับจัดสมดุลชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของกลยุทธ์นี้คือ การทำงานที่บ้านและติดต่อกับที่ทำงานด้วยเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ชีวิตมีความยืดหยุ่นมากขึ้นคือสาระของกลยุทธ์นี้ สำหรับผู้ที่ไม่รังเกียจการทำงานโดยลำพัง และทำงานที่มีลักษณะไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่ทำงาน การใช้กลยุทธ์ techflexing จะช่วยให้เขาสามารถตัดการเดินทางระหว่างบ้านกับที่ทำงานในกรณีที่ไม่จำเป็นออกไปได้ และมีเวลาเหลือในระหว่างวันสำหรับกิจกรรมในชีวิตส่วนตัวที่สำคัญๆ

อย่างไรก็ตาม ผู้แต่งเตือนว่า การติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่นๆ แบบพบปะเห็นหน้ากันโดยไม่ผ่านเทคโนโลยีสื่อสาร ยังคงเป็นสิ่งสำคัญทั้งต่อการทำงานและชีวิตส่วนตัว

กลยุทธ์สุดท้ายคือ simplifying ประโยชน์สูงสุดจากความมักน้อยสมถะ เหมาะกับผู้ที่มีวินัยในการใช้ชีวิตและรู้อย่างชัดเจนว่า สิ่งที่มีคุณค่าความหมายและสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาคืออะไรบ้าง ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยอยู่แล้วเป็นปกติ ถึงแม้เศรษฐกิจจะตกต่ำยังไง คุณก็จะไม่รู้สึกตื่นตกใจเมื่อต้องเจอมาตรการรัดเข็มขัด ผู้ที่ใช้เทคนิคมักน้อยสมถะคือ ผู้ที่ไม่ต้องการแก่งแย่งชิงดีเพื่อลาภยศสรรเสริญและเงินทอง จึงเป็นอิสระจากชีวิตตึงเครียดและพบความสุขกับชีวิตที่มีความเครียดน้อยลง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.